นอกจากนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตที่เกิน 250,000 คนแล้ว จำนวนคนไข้โควิด-19 ที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ก็เพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 78,630 คน ในวันพุธ (18 พ.ย.) ถือเป็นตัวเลขวันเดียวสูงสุดนับตั้งแต่การแพร่ระบาดเริ่มต้นขึ้น
ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา บรรดาผู้ว่าการรัฐต่างๆ และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ได้ใช้มาตรการต่างๆ นานาในความพยายามชะลอสถานการณ์การแพร่ระบาด โดยในคลีฟแลนด์ ร้องขอประชาชนอยู่แต่ในบ้าน คำสั่งบังคับสวมหน้ากากผ่านความเห็นชอบในหลายๆ พื้นที่ที่เคยต่อต้านก่อนหน้านี้ และระบบการศึกษาของนิวยอร์ก ซึ่งเป็นเขตการศึกษาใหญ่สุดในสหรัฐฯ ต้องระงับการเรียนในชั้นเรียนตั้งแต่วันพฤหัสบดี (19 พ.ย.) เป็นต้นไป
ในค่าเฉลี่ย 7 วันหลังสุด สหรัฐฯรายงานผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 1,176 คนต่อวัน มากกว่าค่าเฉลี่ยจำนวนผู้เสียชีวิตรายวันทั้งในอินเดียและบราซิลรวมกัน ในขณะที่ทั้งสองประเทศเป็นชาติที่รั้งอันดับ 2 และ 3 ของดินแดนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หนักหน่วงที่สุดในโลก เป็นรองเพียงอเมริกา
สหรัฐฯรายงานพบผู้ติดเชื้อสะสมแล้วราวๆ 11.4 ล้านคน นับตั้งแต่โรคระบาดใหญ่เริ่มต้นขึ้น และยังคงเป็นประเทศเดียวที่รายงานพบผู้ติดเชื้อมากกว่า 10 ล้านคน ทั้งนี้ ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่เกือบๆ 158,000 คนต่อวัน เท่ากับว่า ทุกๆ เคสผู้ติดเชื้อ 26 คนทั่วโลก จะมีผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯรวมอยู่ด้วย 1 คน ตามข้อมูลของรอยเตอร์
ปัจจุบันแถบมิดเวสต์เป็นภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุดของสหรัฐฯ บนพื้นฐานของเคสผู้ติดเชื้อต่อจำนวนประชากร และจากพื้นฐานดังกล่าว นอร์ทดาโกตา, เซาต์ดาโกตา, วิสคอนซิน, ไอโอซา และ เนบราสกา คือ 5 รัฐที่ได้รับผลกระทบเลวร้ายที่สุด
นิวยอร์ก ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นการศูนย์กลางการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในสหรัฐฯ ระลอกแรก ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเมษายน ยังคงเป็นรัฐที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตสะสมมากที่สุดนับต้งแต่โรคระบาดใหญ่เริ่มต้นขึ้น ด้วยจำนวนกว่า 33,000 คน
ด้วยเหตุนี้ ระบบการศึกษาภาครัฐของนิวยอร์ก ซึ่งเป็นเขตการศึกษาใหญ่สุดของประเทศ ได้สั่งระงับการเรียนการสอนในชั้นเรียนในวันพุธ(18พ.ย.) อ้างถึงจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่โควิด-19 คร่าชีวิตผู้คนทั่วประเทศไปแล้วมากกว่า 250,000 คน
ริชาร์ด เอ. คาร์รันซา อธิการบดีสำนักงานศึกษาธิการเมืองนิวยอร์ก ส่งข้อความถึงครูใหญ่ของโรงเรียนต่างๆ ในเมือง เพื่อแจ้งว่า อัตราการติดเชื้อโควิด-19 เฉลี่ยตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาในนครนิวยอร์ก สูงเกิน 3% แล้ว ทำให้สำนักงานศึกษาฯ เตรียมสั่งห้ามโรงเรียนรัฐทำการเรียนการสอนแบบพบหน้ากันชั่วคราว ตั้งแต่วันพฤหัสบดี (19 พ.ย.)
การตัดสินใจปิดโรงเรียนและหันไปเรียนทางไกลจากที่บ้าน ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดี (19 พ.ย.) เป็นต้นไป มีขึ้นในขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับรัฐและท้องถิ่นทั่วประเทศ หันกลับกำหนดข้อจำกัดทางสังคมและเศรษฐกิจ เพื่อชะลอการแพร่ระบาด และลดจำนวนผู้ติดเชื้อที่เข้ารักษาตัวตามโรงพยาบาลต่างๆ ท่ามกลางฤดูหนาวที่คืบคลานเข้ามา
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความเคลื่อนไหวของเขตการศึกษานิวยอร์ก ซึ่งประกาศผ่านทวิตเตอร์โดยนายกรัฐมนตรี บิล เดอ บลาซิโอ จะช่วยคลายความกังวลแก่คณะครูบางส่วนที่แสดงความวิตกว่าโรงเรียนอาจเพิ่มความเสี่ยงของการติดเชื้อโควิด-19 แต่ขณะเดียวกันมันก็กลับมาเพิ่มความยากลำบากแก่บรรดาผู้ปกครองที่ต้องทำงาน บีบให้พวกเขาต้องเตรียมการสำหรับดูแลบุตรหลานอีกรอบ
(ที่มา:รอยเตอร์)