Font Size


.......................
ปัญหาสังคมของอเมริกาวันนี้ หนักกว่าเมื่อห้าสิบปีก่อนใช่ไหม ถึงได้แปลกประหลาดจนถึงขั้นต้องระดมทหารมาหมื่นกว่านาย ดูแลพิธีรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่

พร้อมข่าวว่าในวันเดียวกัน ผู้ประท้วงมีแผนจะบุกยึดที่ทำการรัฐบาลในทุกรัฐ

ถ้าถามผม ขอบอกว่าไม่ใช่ปัญหาใหม่ อเมริกามีปัญหาสังคมที่รุนแรงมานานก่อนที่ผมจะไปเรียนเสียอีก

ผมเรียนที่แมสสาชูเสทส์ ในปี พ.ศ.2514 ก็ห้าสิบปีพอดี ได้เห็นและพอรู้ว่าปัญหามันมีมานานแล้ว เพียงแต่มันไม่มีหนทางที่จะระเบิดออกมาเท่านั้นเอง

สิ่งที่ผมเห็นอาจจะต่างกับสิ่งที่คนอื่นเห็น คือผมเห็นว่าปัญหาใหญ่ที่สุดของสังคมอเมริกัน คือคนผิวขาวในอเมริกาเอง

มองอย่างผิวเผิน เราจะคิดว่าคนผิวขาวเป็นคนรวย ผิวดำจน ละตินจน คนขาวเหยียดคนดำ และมองว่าคนละตินต่ำชั้นกว่า

แต่ในความเป็นจริง คนขาวในอเมริกามีทั้งรวย ทั้งจน คนที่จนอาจจะมีมากถึงครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากรทั้งหมดด้วยซ้ำไป สถิติเรื่องคนขาวจนมีเท่าไร น่าจะค้นได้ในเวป ใครสนใจก็ลองค้นหาดู

คนขาวเหล่านี้หลายคนเป็นชาวไร่ ชาวนา บรรพบุรุษเคยใช้คนดำเป็นทาส แต่วันนี้ทาสไม่มี ต้องทำกสิกรรมเอง หลายคนยากจน มีความเป็นอยู่แร้นแค้น

ปัจจุบันคนขาวจำนวนมากเป็นกรรมกรในงานก่อสร้าง งานเหมืองแร่ หรือเป็นคนงานในโรงงานอุตสาหกรรม รวมทั้งเป็นพนักงานในร้านอาหาร เก็บขยะ ทำงานปัดกวาดในสถานประกอบการต่างๆ

นี่คือกลุ่มคนที่ไม่พอใจกับการที่พวกเขาต้องอยู่ในสภาพลำบาก ทั้งที่เขาคิดว่าคนขาวคือเจ้าของประเทศ

คนละตินอเมริกันเข้ามาแย่งงานระดับล่าง ทำให้คนขาวหลายคนหางานยาก

คนดำที่เคยเป็นทาส ก็กลับมาเป็นคนที่มีสิทธิ์เท่าเทียมตามกฏหมาย และสามารถหากินแข่งได้

คนขาวที่ยากจนหลายคนจึงตั้งข้อรังเกียจทางสังคม คุกคามทั้งทางตรง ทางอ้อมต่อคนผิวสี

คนขาวเหล่านี้แหละที่เป็นพลังกดดันเงียบ บ่งเพาะความไม่พอใจนานหลายสิบปี จนวันหนึ่งก็ระเบิดออกมา

พวกเขาคือคนจนตัวจริง ที่ไม่มีใครเหลียวแล

อเมริกาเป็นประเทศสุดโต่งที่ป้ญหาหลายอย่างถูกเก็บไว้ใต้พรม แต่ไม่ได้แปลว่าปัญหามันไม่มี

ผมไปเรียนเขียนหนังสือ ในโรงเรียนที่เข้าได้ยาก ก็จะมีเด็กผิวขาวร่วมสถาบันบางคน ถามว่า เป็นคนไทยเข้ามาเรียนที่นี่ได้อย่างไร ใครรับ ที่นี่คนเรียนต้องมีเงินจ่ายค่าเรียน และต้องไม่โง่

เป็นคนไทยได้อยู่โรงเรียนดี ก็โดนเด็กรวยดูถูก อย่างไม่เกรงใจ เด็กผิวดำจนๆที่ได้รับทุนมาเรียนที่นี่ยิ่งโดนดูถูกยิ่งกว่า

ส่วนเด็กขาวจนๆที่อยู่ในสลัม เรียนในโรงเรียนที่สิ่งแวดล้อมชวนให้สยองขวัญ แต่ละวันของพวกเขาคือการต่อสู้เพื่ออยู่รอด เพื่ออาหารมื้อต่อไป เพื่อเลี่ยงพวกติดยาที่มาข่มขู่ ชวนให้ช่วยขายยาทุกเย็นที่เดินกล้บบ้าน

นี่คือสองโลกในอเมริกา ฟ้ากับเหว ที่เพียงแต่รอวันระเบิด

เมื่อมีใครยื่นมือเข้ามาช่วย ไม่ว่ามันจะเป็นมือเทวดา มือมาร มือโง่ หรือมือฉลาด คนขาวที่จนก็พร้อมจะจับมือนั้น

นี่คือเหตุผลที่พวกเขาเลือกผู้นำที่พร้อมจะช่วยพวกเขา

เมื่อมีคนด่าว่า ไปเลือกผู้นำบ้าๆทำไม พวกเขาก็จะถามกลับว่า แล้วไอ้คนไม่บ้าทำไมมันไม่เคยคิดมาช่วยพวกเขา

ทำอเมริกาให้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง....

เขาหมายถึงว่าในประเทศ เขาต้องการให้คนขาวมีอำนาจ มีอิทธิพลเหนือคนผิวสีอื่นเหมือนสมัยทาส ส่วนเรื่องนอกประเทศ เขาต้องการให้อเมริกาเป็นผู้มีอำนาจเหนือทุกประเทศในโลก

การแสดงกิริยาหยาบคาย บุกรุกเข้าในอาคารรัฐสภา ไม่ใช่สัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลง

มันคือการแสดงความไม่พอใจและความอัดอั้นที่สืบทอดมาหลายชั่วอายุคน เพิ่งมาระเบิดในวันนี้

ความคิดว่าคนขาวคือคนเหนือชั้นกว่าคนอื่น เป็นความคิด ความรู้สึกเก่ามากๆ ไม่ใช่ของใหม่

พวกเขาเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้บ้านเมืองเป็นไปตามแนวทางที่เขาต้องการ นี่คือความคิดย้อนยุค ไม่ใช่ล้ำยุค

แต่คนขาวอีกครึ่งประเทศ ไม่เห็นด้วย
เขาเห็นว่าโลกเปลี่ยนไปแล้ว ต้องยอมรับและแก้ปัญหาตามยุค ไม่ใช่พาสังคมย้อนกลับไปเหมือนสมัยร้อยปีก่อน

เช่นเดียวกับคนดำ คนละติน คนเอเซีย ส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วย เพราะถ้าย้อนกลับไปก็เท่ากับยอมให้คนขาวกลับมากดขี่คนดำเหมือนเดิม

คนขาวจน เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลง ต้องการสิทธิต่างๆที่เขาคิดว่าคนขาวจนๆควรจะได้ เพื่อให้สังคมดีขึ้นตามแบบของเขา

ผมเป็นนักข่าวมาหลายปี เห็นสัจธรรมว่า ไม่ว่าจะเป็นประเทศไหน แม้จะเปลี่ยนรัฐบาล เปลี่ยนเจว็ด เปลี่ยนหัวโขน กี่หัวมันก็ไม่แก้ปัญหา เปลี่ยนแล้วสังคมก็เป็นสังคังเหมือนเดิม

คนขาวจนนั่นแหละคือคนต้องเปลี่ยน ต้องปรับให้ความคิดความอ่านตรงกับยุคสมัย และเปิดกว้างให้ตัวเองยอมเจ็บปวดบ้าง เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

แต่มันจะเป็นไปได้หรือ เพราะการเรียกร้องให้คนอื่นเปลี่ยนแปลงนั้นง่าย แต่การเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้นยาก

เปลี่ยนเจว็ด ไม่ช่วยทำให้อะไรดีขึ้น เปลี่ยนคนเอาเจว็ดมาวางนั่นแหละ ถึงจะจบ

ม.ล.สิทธิไชย ไชยันต์
มกราคม 2564