Font Size

 

  เราต้องทำใจว่าการระบาดของโควิด-19 เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา   อะไรที่ว่าแน่อย่าเพิ่งแน่ใจ!

 
 

            สิงคโปร์กับไต้หวันที่เคยทำท่าว่าจะ “เอาอยู่” เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กลับต้องมายกระดับมาตรการควบคุมโควิดอีกรอบหลังพบคนติดเชื้อเพิ่มขึ้น

            หมู่เกาะเซย์เชลส์ (Seychelles) ในมหาสมุทรอินเดียที่เคยประกาศฉีดวัคซีนประชากรกว่า 60% เป็นชาติแรกก็ต้องกลับมาใช้มาตรการเข้มข้นอีกรอบเพราะเจอคนติดเชื้อเพิ่มเช่นกัน

            สาธารณรัฐเซย์เชลส์ประกอบด้วยเกาะเล็กเกาะน้อย 115 เกาะ มีประชากรประมาณ 1 แสนคน เคยเป็นเมืองขึ้นอังกฤษ รายได้หลักมาจากการท่องเที่ยว

            ไต้หวันรายงานว่าจำนวนคนติดเชื้อใหม่กระโดดจากวันละ 29 รายเป็น 180

            ทำให้ทางการเมืองไทเปและนิวไทเปซิตียกระดับเตือนภัยโควิดขึ้นเป็นเบอร์ 3 ในระดับความรุนแรง 1-4

            กฎใหม่ให้คนไต้หวันรวมตัวกันไม่เกิน 5 คนในเคหสถานและไม่เกิน 10 คนนอกเคหสถาน

            สิงคโปร์อาจต้องเลื่อนแผน Travel Bubble กับฮ่องกงที่เดิมกำหนดจะเริ่มวันที่ 26 พฤษภาคมนี้ เพราะพบคลัสเตอร์โควิดใหม่มากกว่า 10 แห่ง รวมถึงที่สนามบินนานาชาติชางงีและโรงพยาบาลหนึ่งแห่ง

            ทางการกำลังจะตรวจเชิงรุกผู้ถูกคุมขังและเจ้าหน้าที่กว่า 5,000 คน หลังคนทำอาหารคนหนึ่งในเรือนจำชางงีติดเชื้อ

            เฉพาะที่สนามบิน พบสะสมแล้ว 40 ราย

            เมื่อวันศุกร์วันเดียว เกาะแห่งนี้พบคนติดเชื้อใหม่ 24 ราย

            สิงคโปร์ประกาศ Circuit Breaker (มาตรการตัดวงจรการแพร่ระบาด) ครั้งใหม่จากเมื่อวานถึง 13 มิถุนายน

            ห้ามคนกินอาหารในร้าน ให้ซื้อกลับบ้านได้อย่างเดียว

            กฎใหม่อนุญาตให้คนรวมตัวกันได้ไม่เกิน 2 คน จากเดิมกำหนดให้ไม่เกิน 5 คน

            โรงแรมที่นั่นประกาศว่าอาจจำเป็นต้องเคาะประตูห้องเพื่อตรวจดูว่าห้องไหนมีแขกอยู่เกิน 2 คน

            ใครละเมิดกฎนี้อาจจะถูกปรับสูงสุดถึง 10,000 เหรียญสิงคโปร์ หรือ 235,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน

            ขณะที่กรุงเทพฯ คลายล็อกให้คนกินในร้านอาหารได้ 25% แต่สิงคโปร์วิ่งสวนด้วยการประกาศห้ามการกินในร้านอีกรอบ

            จนถึงเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สิงคโปร์ฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 3.2 ล้านโดส โดยที่ประมาณ 1.9 ล้านคนได้ฉีดเข็มแรก และ 1.3 ล้านได้ครบสองเข็มแล้ว

            นายกฯ หลี่เสียนหลงเขียนในเฟซบุ๊กว่า คลัสเตอร์โควิดใหม่ที่พบที่โยงกับเคสในชุมชนต่างๆ ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็น “เรื่องน่ากังวลมาก”

            “เรากำลังยกระดับตรวจเชื้อเชิงรุกอย่างเข้มข้น และจะทำการล้อมรั้วการแพร่ระบาดอย่างแข็งขันที่สุด แต่เราก็ต้องประกาศใช้มาตรการที่เข้มข้นขึ้นเพราะสกัดเคสใหม่ๆ ไม่ให้ผุดขึ้นมาอีก...”

            นายกฯ สิงคโปร์เรียกร้องให้ทุกคน “อยู่บ้านมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” และออกจากบ้านก็เฉพาะในกรณีที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น

            หลี่เสียนหลงขอให้ทุกคนฉีดวัคซีน, ใส่หน้ากากและรักษาระยะห่างเพื่อปกป้องตัวเองและคนรอบข้าง

            ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางของสิงคโปร์ได้คาดการณ์ว่าปีนี้เศรษฐกิจจะกลับมาบวกได้ 6% หากเศรษฐกิจโลกไม่ผิดไปจากที่พยากรณ์เอาไว้มากนัก

            แต่เมื่อเส้นทางการกลับสู่ภาวะปกติกำลังออกมาในลักษณะลุ่มๆ ดอนๆ อย่างนี้คงจะต้องมีการประเมินกันใหม่อีกหลายรอบก่อนสิ้นปีนี้ค่อนข้างแน่นอน

            พอเกิดการหวนกลับของไวรัสเช่นนี้สิงคโปร์กับไต้หวันก็ต้อง “รักษาระยะห่าง” ระหว่างสองเกาะกันอีกรอบ

            สิงคโปร์ ประกาศมาตรการใหม่ให้พลเมืองสิงคโปร์และผู้มีถิ่นพำนักถาวรที่มีเดินทางไปไต้หวันในช่วง 21 วันก่อนหน้านั้นจะต้องปฏิบัติตามมาตรการ stay-home notice (SHN) โดยต้องอยู่บ้านเป็นเวลา 14 วัน

            ใครมาจากไต้หวันจะต้องตรวจเชื้อโควิด-19 (PCR) เมื่อมาถึงสิงคโปร์ และตรวจครั้งอีกเมื่อครบ 14 วันตามมาตรการ SHN

            ก่อนจะสิ้นสุดครบ 21 วันก็ต้องตรวจหาเชื้ออีกครั้ง

            ส่วนผู้เดินทางระยะสั้น ถือบัตร Air Travel Pass (ATP) มีประวัติการเดินทางไปไต้หวันภายใน 21 วันยังเข้าสิงคโปร์ไม่ได้

            คนที่ไม่ใช่พลเมืองสิงคโปร์ และมีประวัติการเดินทางไปไต้หวันก่อนนี้ภายใน 21 วัน จะต้องแสดงผลตรวจ PCR ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนที่จะออกเดินทางมายังสิงคโปร์

            สงครามครั้งนี้ยืดเยื้อยาวนานและหนักหนาสาหัสแน่นอน.


ข้อมูลจาก https://www.thaipost.net/main/detail/103246