วันนี้ (27 พ.ค.) เฟซบุ๊ก เจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้ ของนางเจริญขวัญ แพรกทอง บลาฮาสสกี้ นักเขียน และคนไทยในอเมริกา โพสต์ข้อความหัวข้อ “ถามมา ตอบไป การฉีดวัคซีนในอเมริกา” ระบุว่า
1. เลือกวัคซีนได้จริงหรือ
ในช่วงแรกของการฉีดวัคซีนในอเมริกา มีให้เลือกแค่ 2 ยี่ห้อ คือไฟเซอร์ และโมเดอร์นา ซึ่งเป็นวัคซีนที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ชนิด mRNA แตกต่างไปจากแอสตร้าเซนเนก้าและซิโนแวค เรื่องนี้ทุกคนคงรู้อยู่แล้ว ต่อมามีจอห์นสันแอนด์จอห์นสันเพิ่มมาอีกตัว รวมทั้งหมดเป็น 3 ยี่ห้อ หากจะบอกว่าพลเมืองอเมริกันเลือกวัคซีนได้อย่างเสรี นี่เป็นแค่ความจริงครึ่งเดียว คือเราสามารถเลือกได้จาก 1 ใน 3 ถ้าอยากเลือกวัคซีนจากจีนหรือรัสเซียก็ไม่สามารถทำได้ เพราะไม่มีให้เลือก
ประเด็นคือ ตอนที่เริ่มฉีดให้พลเมืองอเมริกันในช่วงแรก องค์การอนามัยโลกยังไม่ได้อนุมัติไฟเซอร์กับโมเดอร์นา แต่เพิ่งมาอนุมัติภายหลังการฉีดไปแล้วทั้งสองตัวนับหลายล้านโดส รวมทั้งจอห์นสันแอนด์จอห์นสันด้วย ที่เพิ่งมาอนุมัติเมื่อไม่นานมานี้ เรียกว่าฉีดก่อน อนุมัติทีหลังทั้งสามยี่ห้อ
2. การกระจายวัคซีนถึงประชาชน
รัฐบาลโจ ไบเดน ตั้งเป้าฉีดให้ได้ 100 ล้านโดสใน 100 วันแรก ช่วงแรกจะจำกัดสถานที่ฉีดแค่ไม่กี่แห่ง เช่น โบสถ์ มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล ต่อมาขยายวงเป็นร้านขายยา ซูเปอร์มาร์เกต มีแบบบริการในรถก็มี (แล้วแต่รัฐ)
ในตอนแรกใช้รูปแบบการลงทะเบียนจองฉีดแบบเดียวกับที่ใช้ในไทย กำหนดให้คนอายุ 60 ปี และคนที่มีโรคประจำตัวฉีดก่อน แต่เมื่อลงทะเบียนแล้วต้องรออีกนาน บางทีก็ไม่มีคำตอบจากเลขหมายที่ท่านเรียก จนต้องย้ายไปลงทะเบียนที่อื่น (เจอมากับตัวเอง)
ถามว่าเลือกวัคซีนได้ไหมตอนลงทะเบียน ขึ้นอยู่กับการจัดการแต่ละรัฐแต่ละเมือง กรณีเมืองที่อยู่ ด้วยความอยากรู้ เลยตรวจสอบว่าห้างไหนให้บริการยี่ห้ออะไร แล้วไปลงทะเบียนกับร้านนั้น บางรัฐไม่ให้เลือก ลงทะเบียนแล้วมีอะไรก็ฉีดไปตามที่ได้โควตามาบริการ กว่าจะเรียกฉีดก็รอประมาณหนึ่งอาทิตย์ การลงทะเบียนจะต้องกรอกที่อยู่ในอเมริกา และรายละเอียดส่วนตัว จากนั้นก็ประกาศให้อายุ 50 ปีไปลงทะเบียน ไล่ไปเรื่อยจนถึงอายุ 12 ที่ฉีดไฟเซอร์ ส่วนพวกอายุ 18-60 ปีก็เลือกเอาจากสามยี่ห้อนั่นแหละ
3. จริงไหม..ที่ฉีดวัคซีนฟรีในอเมริกา
คนไทยหลายคนบินไปฉีดวัคซีน “ฟรี” ที่อเมริกา แต่วัคซีนที่ว่าฟรีนั้นเป็น “ฟรีทิพย์” เพราะไม่ได้ฟรีจริง เพราะวัคซีนทุกขวดมาจากภาษีพลเมืองอเมริกัน ค่าวัคซีนแต่ละเข็มมีราคาที่พลเมืองอเมริกันต้องจ่าย หากใครมีประกัน (ที่ต้องจ่ายเงินซื้อประกันแพงมาก ในกรณีที่ทำงานส่วนตัว) ร้านหรือห้างที่ฉีดวัคซีนจะไปเบิกกับบริษัทประกันที่เราซื้อประกัน ตอนฉีดพนักงานฉีดขอดูบัตรประกันรัวๆ ขนาดกรอกฟอร์มออนไลน์ไปแล้วยังขอดูถึงสองหน หากไม่มีประกัน ซึ่งคนอเมริกันมากมายมหาศาลไม่มีประกันสุขภาพ เพราะไม่สามารถจ่ายได้ด้วยความแพงสาหัส
กรณีไม่มีประกัน ใบเสร็จค่าวัคซีนจะถูกส่งไปเรียกเก็บเงินกับรัฐบาลและ Medicare ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ ซึ่งคนทำงานมีรายได้อย่างพวกทำงานบริษัทจะต้องถูกหักรายเดือนเพื่อสมทบ Medicare ส่วนพวกที่ทำธุรกิจส่วนตัวก็ต้องควักเงินซื้อประกันอันแพงนรกแตกเอง โดยจ่ายรายเดือน ดังนั้นวัคซีนฟรีที่ชื่นชมกันนั้นจึงไม่ได้ฟรีจริง ที่โหดกว่านั้น นับจากนี้ไปพลเมืองอเมริกันจะต้องควักเงินจ่ายภาษีมากกว่าเดิมเพื่อแบกรับภาระส่วนนี้ในอนาคต
4. ไปอเมริกาแล้วฉีดได้เสร็จในห้านาทีจริงเหรอ
การจะไปอเมริกาได้จะต้องมีวีซ่าอเมริกาในมือ ซึ่งขั้นตอนในการขอยุ่งยากมาก คนที่เคยขอคงรู้ มีค่าธรรมเนียมที่จ่ายแล้วไม่ได้คืนหากไม่ได้วีซ่า คนที่บินมาอเมริกาจะต้องมีวีซ่าอเมริกันในมืออยู่แล้ว ก่อนจะได้ฉีดวัคซีนจะต้องมีการลงทะเบียนจองก่อนไปฉีด ส่วนมากจะให้เพื่อนที่อยู่อเมริกาจัดการให้ นั่นคือระยะแรก แต่ระยะหลัง บางแห่ง บางรัฐ เริ่มมีการเปิดให้เดินไปขอฉีดได้เพราะยอดฉีดเริ่มไม่พุ่ง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการจัดการแต่รัฐ บางรัฐไม่อนุญาตคนที่ไม่ใช่พลเมืองฉีด แต่บางรัฐก็เปิดเสรี การฉีดนั้นไม่นาน หากไม่ต้องรอคิว ช่วงนี้จะว่างเพราะคนฉีดกันไปเยอะแล้ว ทำให้ภาพที่ออกมาตามสื่อดูชีวิตดี๊..ดี แต่หากรวมขั้นตอนการลงทะเบียน คงบอกไม่ได้ว่าจบในห้านาที
5. หลายคนอ้างว่าอเมริกันฉีดครบหมดทุกคนทุกรัฐแล้วจริงหรือ
มาดูข้อมูลวันนี้ 26 พ.ค. 2021 พลเมือง 50 เปอร์เซ็นต์ฉีดหนึ่งเข็ม ส่วนพลเมือง 39 เปอร์เซ็นต์ฉีดครบสองเข็ม เน็ตไอดอลบางคนบอกว่าคนอเมริกันฉีดครบหมดแล้วทุกคนทุกรัฐ ทางการอเมริกันถึงประกาศให้ชาติอื่นๆ เข้ามาฉีดวัคซีนในอเมริกา เรื่องนี้ไม่มีการประกาศจากทางการแต่อย่างใด พวกที่มาคือจงใจจะเข้ามาฉวยประโยชน์จากอเมริกา อาศัยช่องโหว่ตรงนี้มาเอาประโยชน์
6. บางคนบอกว่าต้องกล่าวโทษรัฐบาลไทยที่ทำคนตายเยอะมาก งั้นลองเทียบกับอเมริกาดูก็แล้วกัน แบบนี้ทรัมป์กับไบเดนต้องลาออกไหม
ยอดป่วยสะสมและยอดตายในอเมริกา วันที่ 26 พ.ค. 2021 ป่วยสะสม 33,967,669 ราย ตาย 606,126 ราย ยอดตายต่อพลเมืองหนึ่งล้านคือ 1,831 ราย ในขณะที่เมืองไทยยอดตาย 12 รายต่อพลเมืองหนึ่งล้าน รัฐที่ป่วย/ตายสูงสุดคือ แคลิฟอร์เนีย เทกซัส ฟลอริดา นิวยอร์ก และอิลลินอยส์
มาดูข้อมูลบางรัฐที่เปิดให้คนที่ไม่ใช่พลเมืองมาฉีดได้ อย่างรัฐแคลิฟอร์เนีย จัดเป็นรัฐที่มีการระบาดอันดับหนึ่งในอเมริกา ยอดตายต่อพลเมืองหนึ่งล้านคือ ตาย 1,595 ราย ยอดป่วยสะสม 3,780,845 ราย หลายคนเลือกบินมาฉีดวัคซีนที่รัฐนี้ บางคนบินมานิวยอร์ก มาดูยอดป่วยในนิวยอร์กกันว่าเท่าไหร่ ป่วยสะสม 2,148,986 ราย อัตราการตายต่อพลเมืองหนึ่งล้านคือ 2,750 ราย
7. ยอดการฉีดวัคซีนในรัฐที่ฮิตไปฉีดกันคือนิวยอร์กกับแคลิฟอร์เนีย
รัฐแคลิฟอร์เนีย - พลเมืองที่ฉีดครบสองโดสคิดเป็น 41 เปอร์เซ็นต์
รัฐนิวยอร์ก - พลเมืองที่ฉีดครบสองโดสคือ 45 เปอร์เซ็นต์ สรุปว่ายังไม่ถึงครึ่งทั้งสองรัฐ
เห็นเน็ตไอดอลสายบิวตี้ที่บินไปฉีดบอกว่า ดูสิ ผู้คนในแคลิฟอร์เนียถอดหน้ากากใช้ชีวิตปกติกันแล้ว ที่พูดแบบนี้เพราะไม่รู้ว่าอเมริกันแทบจะไม่ยอมใส่หน้ากากกันเลย จนต้องออกกฎบังคับ ถึงมีกฎแล้วก็ยังไม่ค่อยยอมใส่นัก ไม่ต้องดูอื่นดูไกล ในเมืองที่ดิฉันอยู่นี่แหละ ช่วงระบาดแบบพีกๆ นายกเทศมนตรีออกกฎให้ใส่หน้ากากเข้าร้าน พอพนักงานเตือน ลูกค้าควักปืนออกมายิงพนักงานตาย
8. มาแล้วไป...ทิ้งผลกระทบไว้ให้คนไทยในอเมริกา
การที่คนไทยบินมาฉีดวัคซีนที่คิดว่า "ฟรี" ส่งผลกระทบต่อคนไทยในอเมริกา ขณะนี้กระแสเกลียดเอเชียน่ากลัวมากถึงมากที่สุด พวกคุณมาฉีดแล้วจากไป แต่คนที่ต้องอยู่อย่างหวาดกลัวคือคนไทยที่นี่ คิดหรือว่าอเมริกันจะแฮปปี้ใจกว้างทุกคนที่รับรู้ว่ามีคนที่ไม่ใช่พลเมืองประเทศตนเข้ามาหาประโยชน์จากตรงนี้ คนไทยถูกทำร้ายในอเมริกาในหลายรัฐ จนกงสุลไทยออกมาประกาศเตือน ล่าสุดกงสุลชิคาโกออกประกาศว่ามีคนอเมริกันทำร้ายคนไทยในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม
อย่าบอกว่าเน็ตไอดอลพวกนี้รวยจัด ค่าที่นั่งชั้นประหยัดตอนนี้แพงมาก แพงกว่าปกติแบบโขกสับ แต่คนเหล่านี้บินบิสคลาสที่แพงกว่าเก่า เอาเงินมาจากไหน
ทำไมเน็ตไอดอลเหล่านี้เจาะจง “ไฟเซอร์” ทำไมไม่เลือกฉีดโมเดอร์นา ทั้งที่หากเทียบผลข้างเคียงคนฉีดโมเดอร์นามีผลข้างเคียงน้อยกว่าไฟเซอร์
มีการว่าจ้างคนเหล่านี้หรือเปล่า แน่นอนว่าพวกนี้พูดความจริงครึ่งเดียว และต้องมีวีซ่าอเมริกาอยู่ในมือก่อนแล้ว เน็ตไอดอลที่บินไปเป็นไอดอลกลุ่มวัยรุ่น หนุ่มสาววัยทำงานเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นวัยที่ยึดครองโลกโซเชียล ที่สำคัญคือเน็ตไอดอลเหล่านี้สนับสนุนม็อบทุกราย ทั้งเปิดเผยและแอบแฝง
จากนั้นก็รับลูกต่อด้วยการนำไปเผยแพร่ ในสื่อในเพจฝั่งสนับสนุนม็อบทุกสื่อ ทั้งสื่อหลักและสื่อออนไลน์"