โดยราคาจำหน่าย ATK ในประเทศไทย เฉลี่ยชุดละ(ใช้1ครั้ง) 350-400 บาท ปัจจุบันมีการขึ้นทะเบียนกับองค์การอาหารและยา(อย.) จำนวน 29 ราย( ณ 10 ส.ค.ปัจจุบัน 12 ส.ค.รวม 34 ราย ) ในหลากหลายรูปแบบและวิธีการใช้ จากแหล่งนำเข้าต่างๆ เช่น จีน เกาหลีใต้ สวิสเซอร์แลนด์ สเปน เป็นต้น ทั้งนี้ราคาATKในไทยนับเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงมาก สำหรับประชาชนเพราะการตรวจที่ว่านี้ไม่ใช่ครั้งเดียวจบ บางรายอาจต้องทำทุกวัน
จากการสำรวจราคา ATK จากเวบไซด์ออนไลน์ ในต่างประเทศ พบว่า มีราคาเฉลี่ยเพียง1 ชุด / ใช้ 1 ครั้ง เพียงชุดละ 100 บาท โดยเวบไซด์ออนไลน์ชื่อดังของจีน อย่าง
-Alibaba จำหน่ายเฉลี่ย ชุดละ 0.88-1.19 ดอลลาร์ หรือ ประมาณ 60-100 บาท รวมค่าขนส่งและค่าใช้จ่ายอื่น ในการนำเข้า
-eBay เฉลี่ยที่ 80-180 บาท
-Amazon เฉลี่ยที่ 165 บาท
“ราคาจำหน่ายในไทยค่อนข้างสูงมากเพื่อเทียบกับราคาจำหน่ายในต่างประเทศ ที่แม้จะรวมค่าใช้จ่ายการขนส่ง และค่าใช้จ่ายอื่นถ้ามี เพราะไทยประกาศยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าเครื่องมือแพทย์มาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ก็ยังพบว่าราคา ATK ที่คนไทยจำเป็นต้องใช้นั้นยังมีราคาสูงกว่าราคาเฉลี่ยทั่วโลกกว่าเท่าตัว”
ข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ ชี้ว่า “ชุดตรวจATK ที่วางขายในท้องตลาดขณะนี้ มีประมาณ 10 ยี่ห้อ ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ชุดละ 250-350 บาท ส่วนยี่ห้ออื่นๆ อยู่ระหว่างการพิจารณาราคาขาย”
ล่าสุด ในการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.)ที่มีจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานมีมติ ให้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา 1 ชุด ประกอบด้วยปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข อธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นรองประธาน และมีกรรมการประกอบด้วย เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) อธิบดีกรมศุลกากร อธิบดีกรมบัญชีกลาง ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) และผู้บังคับการตำรวจ ปคบ เป็นกรรมการ รวม 11 ท่าน มีอำนาจหน้าที่ติดตาม วิเคราะห์ สถานการณ์ของ ATK และกำหนดแนวทางมาตรการกำกับดูแลการจำหน่าย ATK ให้เป็นธรรมอีกชั้นหนึ่ง
รัฐมีเครื่องมือทั้งราคาเปรียบเทียบกับต่างประเทศซึ่งพอจะเป็นไกด์ไลน์ถึงราคาที่เหมาะสมและการรักษาปริมาณสินค้าไม่ให้หายไปจากตลาดหากแผนการแจกATKของสปสช. 8.5 ล้านชุดเป็นไปตามเป้าหมายอย่างแท้จริง อาจทำให้การขายATKในตลาดจากนี้ ผู้นำเข้าต้องพิจารณาว่าธุรกิจนี้ควรมีกำไรในสัดส่วนที่เท่าไหร่
ข้อมูลจาก https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/954225?anf=