คณะที่ปรึกษายุทธศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านภูมิคุ้มกันขององค์การอนามัยโลก (SAGE) มีคำแนะนำเมื่อวันจันทร์ว่า ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องหรืออ่อนแอ ควรได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 กระตุ้นภูมิ ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนชนิดใดมาก็ตาม ส่วนผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปที่ฉีดวัคซีนของซิโนแวคหรือซิโนฟาร์มก็ควรได้ฉีดโดสที่ 3 ด้วย
เอเอฟพีรายงานเมื่อวันจันทร์ที่ 11 ตุลาคม 2564 ว่า คณะที่ปรึกษาด้านวัคซีนขององค์การอนามัยโลก (WHO) คณะนี้ประชุมกันนาน 4 วันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อทบทวนข้อมูลและข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโควิด-19 และโรคอื่นๆ โดยในวันจันทร์ ผู้เชี่ยวชาญคณะนี้ออกคำแนะนำว่า ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องหรืออ่อนแอในระดับปานกลางและรุนแรง ควรได้รับการเสนอให้ฉีดวัคซีนเพิ่มเติมด้วยวัคซีนทุกชนิดที่ผ่านการอนุมัติการใช้งานแบบฉุกเฉินของ WHO แล้ว
"บุคคลเหล่านี้มีโอกาสน้อยที่จะตอบสนองต่อการฉีดวัคซีนอย่างเพียงพอ ภายหลังการฉีดวัคซีนชุดแรกตามมาตรฐาน และมีความเสี่ยงสูงต่อโรคโควิด-19 ขั้นรุนแรง" คำแถลงกล่าว
วัคซีนที่ได้รับการขึ้นบัญชีเป็นวัคซีนสำหรับการใช้งานฉุกเฉิน (EUL) แล้ว ได้แก่ วัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทค, แจนเซน, โมเดอร์นา, ซิโนฟาร์ม, ซิโนแวค และแอสตร้าเซนเนก้า
นอกจากนี้ SAGE ยังแนะนำว่า ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปที่ฉีดวัคซีนของซิโนแวคและซิโนฟาร์มจากจีนครบโดสแล้ว ก็ควรได้รับการฉีดวัคซีนโดสที่ 3 เพิ่มเติมด้วย ทั้งจากวัคซีนชนิดเดิม หรืออาจพิจารณาใช้วัคซีนต่างชนิดโดยขึ้นอยู่กับการจัดหาและการเข้าถึงวัคซีน.
ผู้เชี่ยวชาญคณะนี้ย้ำว่า พวกเขาไม่แนะนำให้ฉีดวัคซีนโดสกระตุ้นภูมิคุ้มกันแก่ประชากรโดยทั่วไป และตามคำแนะนำนี้ ประเทศทั้งหลายควรตั้งเป้าหมายเริ่มแรกที่การฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด 2 โดสแก่ประชากรก่อน แล้วจึงค่อยฉีดโดสที่ 3 โดยเริ่มที่กลุ่มประชากรที่อายุมากที่สุด.
ข้อมูลจาก https://www.thaipost.net/main/pdetail/119470