Font Size
 
ผู้บริหารไฟเซอร์ฟันธง โควิดกลายเป็นโรคประจำถิ่นปี 67
 
ผู้บริหารไฟเซอร์ชี้ โควิดจะกลายเป็นโรคประจำถิ่นเร็วสุดปี 2567 หมายความว่าไวรัสมีอยู่ต่อเนื่องเป็นเหตุให้เกิดการระบาดได้ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกเหมือนไข้หวัดใหญ่ ไม่ใช่ภาวะฉุกเฉินของโลกอีกแล้ว

เว็บไซต์ซีเอ็นบีซีรายงาน แนเน็ตต์ โคชีโร ประธานบริษัทไฟเซอร์วัคซีน แถลงระหว่างการประชุมนักลงทุนเมื่อวันศุกร์ (17 ธ.ค.)

“เราเชื่อว่าโควิดจะเปลี่ยนผ่านไปสู่การเป็นโรคประจำถิ่น เป็นไปได้ว่าภายในปี 2567” ประธานบริษัทไฟเซอร์วัคซีนกล่าว

ทั้งนี้ โควิด-19 จะกลายเป็นโรคประจำถิ่นได้ก็ต่อเมื่อประชากรมีภูมิคุ้มกันมากพอ ทั้งจากการฉีดวัคซีนและการติดเชื้อมาก่อนจนสามารถควบคุมการติดต่อ การเข้าโรงพยาบาล และการเสียชีวิตได้ระหว่างที่ไวรัสยังกระจายอยู่

 

ขณะที่ไมเคิล โดลส์ตัน หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ไฟเซอร์เสริม “แต่จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ อย่างไรกันแน่นั้น ย่อมขึ้นอยู่กับวิวัฒนาการของเชื้อโรค ประสิทธิภาพในการฉีดวัคซีนและการรักษาของสังคม การกระจายวัคซีนได้ถึงพื้นที่ที่อัตราการฉีดต่ำได้อย่างเท่าเทียม อีกทั้งการเกิดขึ้นของสายพันธุ์ใหม่ๆ ย่อมส่งผลต่อการระบาดว่าจะออกมาอย่างไรด้วยเช่นกัน”

นอกจากนี้ในทัศนะของโดลส์ตัน เวลาที่โควิดจะเปลี่ยนเป็นโรคประจำถิ่นขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่ด้วย

“ดูเหมือนจะเป็นปีหรือสองปีข้างหน้า บางภูมิภาคเปลี่ยนเป็นโรคประจำถิ่นแล้ว ขณะที่บางภูมิภาคยังอยู่ในโหมดการระบาดใหญ่”

ความเห็นจากผู้บริหารไฟเซอร์เกิดขึ้นในช่วงที่สหรัฐกำลังต่อกรกับจำนวนผู้ติดเชื้อที่พุ่งขึ้นเพราะสายพันธุ์เดลตา ในเวลาเดียวกันสายพันธุ์โอมิครอนก็กระจายอย่างรวดเร็ว โรเชลล์ วาเลนสกี จากศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคสหรัฐ (ซีดีซี) สรุปข้อมูลให้ทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์ว่า ค่าเฉลี่ยการเข้าโรงพยาบาลเพราะโควิดในรอบเจ็ดวันพุ่งขึ้น 4% จากสัปดาห์ก่อนหน้า

ด้านแองเจลา หวาง ประธานกลุ่มไฟเซอร์ ไบโอฟาร์มาซูติคอล กรุ๊ป กล่าวว่า ปริมาณวัคซีนและยารักษา เช่น ยาเม็ดของไฟเซอร์จะซื้อหาได้ง่ายขึ้นเมื่อโควิดกลายเป็นโรคประจำถิ่น ส่วนโคชิโรสรุป ไฟเซอร์คาดว่านานาประเทศจะให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีนกระตุ้นทุกปี

ข้อมูลจาก https://www.bangkokbiznews.com/news/978098?anf=