ผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันในนิวซีแลนด์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา และทางการประเมินว่า การระบาดของเชื้อสายพันธุ์ “โอมิครอน” ระลอกใหม่นี้อาจจะรุนแรงยิ่งกว่าระลอกแรก
โรงพยาบาลหลายแห่งในนิวซีแลนด์มีผู้ป่วยเข้ารักษาตัวเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้คนไข้ต้องใช้เวลารอการรักษานานขึ้น และแพทย์ต้องขอเลื่อนเคสผ่าตัดที่ไม่เร่งด่วนออกไปก่อน
“ยอดผู้ป่วยโควิด-19 และอัตราการป่วยเข้าโรงพยาบาลที่เพิ่มขึ้น ประกอบช่วงนี้เป็นฤดูการระบาดของไข้หวัดใหญ่ที่รุนแรงกว่าเดิม และมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ต้องหยุดงานไป ทำให้ระบบโรงพยาบาลอยู่ในภาวะตึงตัวอย่างมาก” อาเยชา เวอร์รอลล์ รัฐมนตรีฝ่ายการรับมือโควิด-19 ของนิวซีแลนด์ ระบุ
นิวซีแลนด์ซึ่งมีประชากร 5.1 ล้านคน พบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้นอีก 11,382 รายวันนี้ (14) และมีจำนวนผู้ป่วยในชุมชน (active community cases) รวมทั้งสิ้น 68,737 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 765 ราย
มาตรการตอบสนองที่ฉับไวของรัฐบาลในช่วงแรกๆ บวกกับสภาพทางภูมิศาสตร์ของนิวซีแลนด์ที่เป็นเกาะ ช่วยให้แดนกีวีเกือบจะเป็นดินแดนปลอดโควิดมาได้จนถึงปลายปีที่แล้ว กระทั่งรัฐบาลตัดสินใจยกเลิกนโยบาย “คุมโควิดเป็นศูนย์” เมื่อต้นปีนี้ และหันมาปรับตัวอยู่ร่วมกับโควิด-19 เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนครบ
เวอร์รอลล์ ยอมรับว่ารัฐบาลคงไม่สามารถกลับไปใช้นโยบายคุมโควิดเป็นศูนย์ได้อีก ดังนั้น ประชาชนจึงจำเป็นที่จะต้องดูแลตัวเองด้วยการสวมหน้ากาก หมั่นตรวจหาเชื้อ และแยกกักตัวเองหากว่ามีคนในครอบครัวที่ติดโควิด-19
รัฐบาลนิวซีแลนด์อยู่ระหว่างขยายบริการตรวจ ATK และแจกหน้ากากอนามัยฟรีให้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึงมากขึ้น และอนุญาตให้ร้ายขายยาสามารถจำหน่ายยารักษาโควิด-19 รวมถึงปรับลดเกณฑ์ในการพิจารณาแจกยาต้านไวรัส
“นี่ยังไม่ใช่เวลาที่จะหยุดสวมหน้ากาก หลักฐานต่างๆ ที่มีอยู่บอกเราว่า การสวมหน้ากากช่วยลดความเสี่ยงที่คุณจะติดเชื้อโควิด-19 ลงได้ถึงครึ่งหนึ่ง และยังช่วยปกป้องคุณจากเชื้อไข้หวัดใหญ่และโรคอื่นๆ ที่มาพร้อมกับฤดูหนาว ดังนั้นถ้าคุณไม่อยากสวมหน้ากากเพื่อตัวเอง ก็ขอให้สวมเพื่อเห็นแก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขด้วย” เวอร์รอลล์ กล่าว
ที่มา : รอยเตอร์