กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เทียบให้เห็นชัดๆความแตกต่างของโรค "ฝีดาษลิง" กับ "โรคเริม" คล้ายหรือแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน
กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เทียบให้เห็นชัดๆความแตกต่างของโรค "ฝีดาษลิง" กับ "โรคเริม" การติดต่อ อาการ ระยะฟักตัวรวมถึงแนวทางการรักษาไปดูว่าทั้ง 2 โรคนี้มีความแตกต่างและความคล้ายกันอย่างไรบ้าง
โรคฝีดาษลิง เชื้อก่อโรคตระกูลฝีดาษหรือ Pox Virus การติดต่อ ประกอบด้วย การสัมผัสสารคัดหลั่ง รอยโรคและละอองฝอยจากทางเดินหายใจ ติดต่อจากสัตว์สู่คน หรือ ติดต่อจากคนสู่คน ระยะฟักตัวจะอยู่ที่ 7-21 วัน
อาการ
อาการฝีดาษลิง จะมีอาการไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดหลัง ต่อมน้ำเหลืองโต ส่วนอาการที่แสดงทางผิวหนัง จะมีแผลในปากตามด้วยผื่นแดง ตุ่มน้ำ โดยตุ่มน้ำอาจมีรอยบุ๋มเล็กๆตรงกลางและกลายเป็นตุ่มหนองแล้วจึงตกสะเก็ด ส่วนรอยโรคจะอยู่ในระยะเดียวกัน
การรักษาฝีดาษลิง
แบบประคับประคองและรักษาตามอาการ ยาต้นไวรัส (tecovirimat) ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษา
โรคเริม
สำหรับ เริม อีสุกอีใส และงูสวัด เป็นกลุ่มโรคที่เกิดจากไวรัสตระกูลเดียวกัน (Herpes simplex virus) การติดต่อก็จะเกิดจากการสัมผัสสารคัดหลั่ง รอยโรค การติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ติดต่อจากคนสู่คน โดยที่มีระยะฟักตัว 3-7 วัน
อาการเริม
ประกอบด้วย อาการเจ็บ ปวดแสบร้อน คันบนตำแหน่งที่เกิดรอยโรค ปวดเมื่อยเนื้อตัว เบื่ออาหาร อาจมีไข้ ปวดศีรษะ ต่อมน้ำเหลืองโตบางราย ส่วนอาการที่แสดงออกทางผิวหนัง คือ ตุ่มแดง และตุ่มน้ำที่เจ็บบนพื้นแดงอาจจะมีรอยบุ๋มเล็กๆตรงกลาง ต่อมากลายเป็นตุ่มหนองและแผล หรือแผลถลอกตกสะเก็ด รอยโรคจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ไม่กระจายตัว
การรักษาเริม
รักษาตามอาการร่วมกับยาต้านไวรัส เช่น acyclovir , famciclovir , valacyclovir
ข้อมูลจาก กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
ข้อมูลจาก https://www.bangkokbiznews.com/social/1019484?anf=