Font Size
  

12 ก.ค.63-  Mr.Toshihisa Onishi จากสำนักข่าวเกียวโด ประเทศญี่ปุ่น พร้อมทีมข่าวและล่ามได้เดินทางไปยัง หมู่บ้านบางมั่น หมู่ที่ 18 ตำบลนาพญา อ.หลังสวน จ.ชุมพร เพื่อพิสูจน์ดูชีวิตความเป็นอยู่ของลิงกังขึ้นมะพร้าว ที่กำลังกลายเป็นประเด็นปัญหาส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ  จากกรณีองค์กรมนุษย์เพื่อการปฏิบัติต่อสัตว์อย่างมีจริยธรรม หรือ PETA (พีต้า) เผยแพร่คลิบวิดีโอรายงานอ้างว่าในประเทศไทยมีการบังคับให้ลิงกังทำงานเหมือนกับใช้เครื่องจักรให้ขึ้นมะพร้าววันละนับพันลูกถือเป็นการทารุณกรรมสัตว์ จึงส่งผลให้ห้างสรรพสินค้าหลายแห่งในประเทศอังกฤษและยุโรปสั่งเก็บกะทิและผลิตภัณฑ์มะพร้าวออกจากห้างจนเกิดกระแสวิพากษ์อยู่ขณะในนี้นั้น
 
การลงพื้นที่ของสำนักข่าวดังจากประเทศญี่ปุ่นในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเพราะเป็นข่าวดังระดับโลกที่ส่งผลต่อผลผลิตมะพร้าวในประเทศไทยอย่างแน่นอน  สำหรับ จ.ชุมพรนั้นมีพื้นที่ปลูกมะพร้าวมากกว่า 1 แสนไร่ โดยเฉพาะหมู่บ้านบางมั่น ตำบลนาพญา ถือเป็นแหล่งปลูกมะพร้าวจำนวนมาก  
 
นายเสน่ห์ คงสุวรรณ ประธานชมรมผู้เลี้ยงลิงกังขึ้นมะพร้าว จ.ชุมพร นายจินตการ พรหมสุวรรณ รองนายกสมาคมชาวสวนมะพร้าว จ.ชุมพร กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้เกี่ยวข้องในท้องที่มาร่วมให้การต้อนรับคณะของผู้สื่อข่าวจากต่างประเทศเพื่อให้ได้พิสูจน์ข้อเท็จจริงพร้อมกับให้ถ่ายทำบันทึกภาพการใช้ลิงกังขึ้นมะพร้าว ชีวิตความเป็นอยู่ของลิงกังและเจ้าของซึ่งเป็นไปตามวิถีชีวิตความรักความผูกพันระหว่างคนกับลิงกังในชีวิตประจำวันที่สืบทอดมาแต่โบราณหลายชั่วอายุคนแล้ว เพื่อให้ผู้สื่อข่าวจากต่างประเทศได้เห็นกับสายตาตนเองว่าการเลี้ยงลิงกังไว้ขึ้นมะพร้าวนั้นเจ้าของจะเลี้ยงดูเอาใจใส่อย่างดีมากกว่าการเลี้ยงสัตว์ชนิดอื่นอื่นๆ
 
นายเสน่ห์ อธิบายผู้สื่อข่าวจากญี่ปุ่น ว่า การเลี้ยงลิงกังขึ้นมะพร้าวนั้นมีมาตั้งแต่โบราณรุ่นปู่ย่าตายาย และปัจจุบันการเลี้ยงดูลิงกังนั้นไม่ได้จับมาจากป่าธรรมชาติ เพราะลิงกังเป็นสัตว์คุ้มครองตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535  แต่ผู้ที่เลี้ยงลิงกังอยู่ทุกวันนี้เป็นเกษตรกรที่ได้ขึ้นทะเบียนและฝังไมโครชิพ การครอบครองลิงกังไว้กับทางราชการก่อนที่จะมีการบังคับใช้กฎหมายให้เป็นสัตว์คุ้มครอง
 
“สำหรับลิงกังที่ใช้ขึ้นมะพร้าวทุกวันนี้ได้มีการเลี้ยงขยายเพันธุ์มาจากพ่อแม่พันธุ์ที่มีการขึ้นทะเบียนไว้แล้ว เมื่อเติบโตก็จะนำมาฝึกหัดให้ปั่นลูกมะพร้าวจนชำนาญ จนรู้หน้าที่ รู้ภาษาที่ใช้สื่อสารกันระหว่างทำงาน พอมีอายุมากกว่า 3 ปี จึงจะนำไปทำงานขึ้นมะพร้าว ในแต่ละวันหนึ่งจะขึ้นมะพร้าวตั้งแต่เวลา 8.00 น-15.00 น มีพักเที่ยงกินอาหารเช่นเดียวกับเจ้าของ และลิงกัง 1 ตัวจะขึ้นมะพร้าวได้ประมาณ 300 ลูก บางคนมีลิงกัง 2-3 ตัว ก็จะขึ้นมะพร้าวรวมกันได้มากนับพันลูก เมื่อกลับมาถึงบ้านก็จะจัดหาอาหารให้ลิงกังได้กินอย่างดี รวมถึงการสร้างที่อยู่ให้กับลิงกังได้หลับนอนในตอนกลางคืนเพื่อให้นอนพักผ่อนอย่างเต็มที่ ” นายเสน่ห์ ระบุ
 
นายเสน่ห์ กล่าวต่อว่าผู้ที่จะเลี้ยงลิงกังขึ้นมะพร้าวใน จ.ชุมพร ทุกคนได้ขึ้นทะเบียนไว้กับทางราชการแล้วซึ่งจะมีกฎหมายควบคุมและมีการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่รัฐอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการทรมานทารุณกรรมลิงกังขึ้นมะพร้าว หากมีการทรมานทารุณกรรมลิงกังมันก็จะไม่สามารถทำงานขึ้นมะพร้าวให้กับเราได้เลย เพราะมันจะเกิดอาการดื้อและต่อต้านไม่ยอมขึ้นอย่างแน่นอน
 
ด้าน Mr.Toshihisa Onishi ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวเกียวโด ประเทศญี่ปุ่น กล่าวกับเจ้าของลิงกังและชาวสวนมะพร้าวผ่านล่ามว่าที่ตนเองมาในวันนี้ก็เพื่อจะมาดูมาพิสูจน์ความจริงให้เห็นกับสายตาว่าการฝึกสอนลูกลิงกังให้เก็บลูกมะพร้าว กับการให้ทำงานลิงกังขึ้นมะพร้าวจริง ๆ และการเลี้ยงดูชีวิตความเป็นอยู่หลังลิงกังทำงานขึ้นมะพร้าวเป็นอย่างไร ซึ่งก็ถือว่าเป็นภูมิปัญญาและวิถีชีวิตดั้งเดิม เพราะลิงกังถูกฝึกหัดเรียนรู้จนรู้หน้าที่ตัวเองและวิ่งขึ้นปั่นลูกมะพร้าวด้วยความชำนาญตามที่มีการฝึกฝนมาโดยใช้ภาษาที่สื่อสารเข้าใจระหว่างกันไม่มีการบังคับทุบตีแต่อย่างใด และยังมีความผูกพันความเอื้ออาทรซึ่งกันและกันระหว่างคนกับลิงกัง ซึ่งถือเป็นภูมิปัญญาวิถีชีวิตของคนไทยที่ควรจะอนุรักษ์ไว้ และตนเองจะได้นำเสนอข่าวให้คนทั่วโลกได้รับรู้ตามที่ได้ลงพื้นที่พบเห็นมากับสายตาตัวเอง.

ขอบคุณข้อมูลจาก  https://www.thaipost.net/

เนื้อหาต้นฉบับ https://www.thaipost.net/main/detail/71199