Font Size

 
ที่ปรึกษาระดับสูงของรัฐบาลฝรั่งเศส เตือนว่าการแพร่ระบาดระลอกสองของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ดูเหมือนจะเลวร้ายกว่ารอบแรก โดยเคสผู้ติดเชื้อรายใหม่กว่า 50,000 คนเมื่อวันอาทิตย์ (25 ต.ค.) อาจเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของตัวเลขที่แท้จริง ขณะที่ประเทศแห่งนี้มีแนวโน้มว่าอาจจำเป็นต้องล็อกดาวน์อย่างเข้มข้นเพื่อสกัดการแพร่ระบาด

“สถานการณ์ยากลำบากมาก บางทีอาจเข้าขั้นวิกฤต” ฌอง-ฟรองซัวส์ เดลเฟรซซี นักภูมิคุ้มกันวิทยาและประธานสภาวิทยาศาสตร์ ซึ่งคอยให้คำปรึกษาแก่รัฐบาลฝรั่งเศสเกี่ยวกับการระบาดใหญ่ ให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุท้องถิ่นในวันจันทร์ (26 ต.ค.) พร้อมเผยว่าทางสภาวิทยาศาสตร์รู้สึกประหลาดใจต่อความโหดร้ายของโรคระบาดใหญ่ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

สภาวิทยาศาสตร์อ้างว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่แท้จริง ดูเหมือนว่าจะมากกว่าตัวเลขอย่างเป็นทางการที่รายงานออกมาถึง 2 เท่า

เมื่อวันอาทิตย์ (25 ต.ค.) ฝรั่งเศส รายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมง จำนวน 52,010 คน มากกว่าประเทศไหนๆ ในยุโรป ส่วนในวันจันทร์ (26 ต.ค.) กระทรวงสาธารณสุขรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ 26,771 คน แต่ตัวเลขของวันจันทร์ มักลดลงเป็นปกติ สืบเนื่องจากการแจ้งข้อมูลที่ล่าช้าในช่วงสุดสัปดาห์

ในส่วนผู้เสียชีวิตนั้น ในวันจันทร์ (26 ต.ค.) ฝรั่งเศสมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 257 ราย ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมนับตั้งแต่การแพร่ระบาดเริ่มต้นขึ้น อยู่ที่ 35,018 ราย

เดลเฟรซซี ประเมินว่า ไวรัสกำลังแพร่ระบาดรวดเร็วอย่างมาก พร้อมระบุว่าระบบสาธารณสุขของประเทศจะได้ผลกระทบอย่างแท้จริงในอีก 3 สัปดาห์ข้างหน้า และเตือนว่าการแพร่ระบาดระลอกสองนั้นรุนแรงกว่ารอบแรก และมาตรการรอบใหม่สกัดโควิด-19 ควรบังคับใช้เร็วๆ นี้ เพื่อรับประกันประสิทธิผลของมัน

นับตั้งแต่โรคระบาดเริ่มต้นขึ้น ฝรั่งเศสมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมแล้วกว่า 1,165,278 คน และการเพิ่มขึ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ส่งผลให้พวกเขาแซงหน้าอาร์เจนตินา และสเปน กลายเป็นชาติที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดเป็นอันดับ 5 ของโลก รองจากสหรัฐฯ, อินเดีย, บราซิล และรัสเซีย

คำเตือนเกี่ยวกับสถานการณ์เลวร้ายจากที่ปรึกษาระดับสูง สอดคล้องกับท่าทีของรัฐบาลฝรั่งเศสที่อาจยกระดับมาตรการต่างๆ เข้มข้นขึ้นในช่วงสัปดาห์นี้ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด หลังจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งเกิน 50,000 คนเป็นครั้งแรกเมื่อวันอาทิตย์ (25 ต.ค.) ตามคำกล่าวอ้างของแหล่งข่าวในรัฐบาลในวันจันทร์ (26 ต.ค.)

ทำเนียบประธานาธิบดีเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง จะเรียกประชุมคณะรัฐมนนตรีระดับสูงของเขาในวันอังคาร (27 ต.ค.) เพื่อทบทวนแนวทางวคามพยายามสกัดการแพร่ระบาด

จากนั้นนายกรัฐมนตรีฌอง กัสเท็กซ์ จะหารือร่วมกับบรรดาผู้นำทางการเมืองและเจ้าหน้าที่จากสหภาพแรงงาน ก่อนที่บรรดาคณะรัฐมนตรีจะประชุมร่วมกับ มาครง อีกครั้งในวันพุธ (28 ต.ค.)

แหล่งข่าวใกล้ชิดคณะทำงานของนายกรัฐมนตรีซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยเปิดเผยกับเอเอฟพีว่าการประชุมจะ “พิจารณายกระดับมาตรการต่างๆ เข้มข้นขึ้นเพื่อจัดการกับวิกฤตด้านสาธารณสุข”
 

ด้วยหลายชาติในยุโรปได้ประกาศยกระดับความเข้มข้นของข้อจำกัดต่างๆ ไปก่อนหน้าแล้ว มันจึงโหมกระพือข่าวลือว่าฝรั่งเศสจะดำเนินการแบบเดียวกัน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด ที่ตอนนี้สถานการณ์กำลังเลวร้ายลงเรื่อยๆและโรงพยาบาลต่างๆ เริ่มรับมือไม่ไหว

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ฝรั่งเศสได้ประกาศเคอร์ฟิวบังคับใช้กับปารีสและเมืองอื่นๆ อีกหลายแห่ง ซึ่งพบเคสผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นไม่หยุด ครอบคลุมประชากรราว 46 ล้านคน พร้อมกับสั่งปิดบาร์ทั่วประเทศ

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลบอกว่าต้องการหลีกเลี่ยงล้อกดาวน์อย่างเต็มรูปแบบ อย่างที่เคยบังคับใช้เป็นเวลา 2 เดือนในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา ซึ่งตอนนั้นจำเป็นต้องกำหนดมาตรการดังกล่าว หลังห้องไอซียูตามโรงพยาบาลต่างๆ แน่นขนัดไปด้วยผู้ป่วยโควิด-19

(ที่มา : รัสเซียทูเดย์/เอเอฟพี)
 
บทความต้นฉบับ https://mgronline.com/around/detail/9630000111160