Font Size

 

 
เอเจนซีส์/เอเอฟพี - บริษัท ไบโอเทคโมเดอร์นา (Moderna) ที่มีฐานอยู่ในสหรัฐฯ แถลงวันจันทร์ (16 พ.ย.) ว่า วัคซีนโมเดอร์นาประสบความสำเร็จในการรักษาได้ถึง 94.5% จากการทดลองในเฟส 3 และมีแผนที่จะยื่นขอให้องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ FDA อนุมัติให้สามารถใช้วัคซีนเพื่อรักษาฉุกเฉินในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

CNN สื่อสหรัฐฯรายงานวันนี้ (16 พ.ย.) ว่า บริษัท โมเดอร์นา (Moderna) กลายเป็นบริษัทยาที่ 2 ในสหรัฐฯประกาศประสบความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนรักษาโรคโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพรักษากว่า 90%

โดยในแถลงการณ์ในการรายงานของเอเอฟพีที่ออกมาจาก สเตฟาน บานเซล (Stephane Bancel) ซีอีโอโมเดอร์นาระบุว่า

“ผลบวกนี้มาจากการวิเคราะห์เบื้องต้นของขั้นทดลองเฟส 3 ที่ยืนยันถึงการประสบความสำเร็จทางคลินิกวิทยาเป็นครั้งแรกว่าวัคซีนของเราสามารถป้องกันโรคโควิด-19 ได้รวมไปถึงโรคขั้นร้ายแรง”

สื่อสหรัฐฯรายงานว่า บริษัท ไบโอเทคโมเดอร์นา ระบุว่า วัคซีนโควิด-19 ของบริษัทประสบความสำเร็จ 94.5% ในการป้องกันโรคโควิด-19

ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านการระบาดวิทยาสหรัฐฯและเป็นหนึ่งในสมาชิกทีมโควิด-19 ทำเนียบขาว ดร.แอนโธนี เฟาซี แสดงความเห็นในเรื่องนี้ว่า “ที่ถือเป็นผลลัพท์ที่น่าตื่นเต้นจริงๆ” และเสริมต่อว่า “มันถือเป็นสิ่งที่ดีมากๆ ระดับ 94.5% ถือเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม”

สื่อสหรัฐฯรายงานว่า โมเดอร์นารับทราบข่าวดีจากโทรศัพท์ในบ่ายวันอาทิตย์ (15) จากสมาชิกของคณะกรรมการบอร์ดการกำกับข้อมูลปลอดภัย (Data Safety and Monitoring Board) ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระ

โดยบริษัทได้ทำการทดสอบกับอาสาสมัครจำนวน 15,000 ราย ในกลุ่มการศึกษาแรก พบว่า คนเหล่านี้ได้รับการฉีดยาหลอก (placebo) ซึ่งเป็นน้ำเกลือที่ไม่มีผลข้างเคียงทางการแพทย์ และในอีกไม่กี่เดือนพบว่ามีผู้เข้าร่วมจำนวน 90 คนจากทั้งหมดเริ่มแสดงอาการป่วยโรคโควิด-19 และจากจำนวนทั้งหมดพบว่ามี 11 รายป่วยในขั้นร้ายแรง

และกลุ่มอาสาสมัครการศึกษากลุ่มที่ 2 จำนวน 15,000 คนเท่ากัน โดยคนเหล่านี้ได้รับวัคซีนโมเดอร์นา และจากจำนวนทั้งหมดมีแค่ 5 คนเท่านั้น ที่เริ่มมีอาการป่วยโควิด-19 แต่ไม่มีใครป่วยในขั้นร้ายแรง

ทางบริษัทกล่าวว่า วัคซีนของบริษัทไม่แสดงผลกระทบข้างเคียงขั้นร้ายแรง และมีกลุ่มเล็กๆ ที่ได้รับวัคซีนแสดงอาการป่วยเป็นต้นว่า ปวดเมื่อยตามร่างกาย รวมไปถึงปวดศีรษะ
 

ทั้งนี้ เฟาซีชี้ว่า เขาคาดว่า วัคซีนโมเดอร์นาจะสามารถเริ่มถูกใช้ได้ในครึ่งหลังของเดือนธันวาคม โดยเป็นที่คาดกันว่ากลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงจะเป็นกลุ่มแรกที่จะได้รับวัคซีนก่อน ขณะที่ประชาชนสหรัฐฯที่เหลือคาดว่าจะสามารถได้รับการแจกจ่ายวัคซีนในหน้าฤดูใบไม้ผลิปีหน้าไปแล้ว