รู้ว่าติดโควิด-19 แต่สามีภรรยาคู่หนึ่งไม่สนคนอื่นจะตกอยู่ในความเสี่ยงขึ้นเครื่องบินกลับบ้านที่ฮาวายพร้อมเด็ก 4 ขวบ
เวสลีย์ โมริเบ วัย 41 ปี และคอร์ทนีย์ ปีเตอร์สัน วัย 46 ปีสามีภรรยาจากรัฐฮาวาย ถูกแจ้งข้อหาประมาทเลินเล่อจนอาจเป็นอันตรายแก่ผู้อื่น หลังจากโดยสารเที่ยวบินจากซานฟรานซิสโก กลับฮาวายเมื่อวันที่ 29 พ.ย. ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าติดเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 ด้วยกันทั้งคู่
โฆษกตำรวจเมืองคาวายอิ กล่าวว่า สามีภรรยาคู่นี้กลับถึงสหรัฐด้วยเที่ยวบินระหว่างประเทศ และเข้ารับการตรวจเชื้อในซีแอตเทิลก่อนขึ้นเครื่องบินกลับฮาวาย ซึ่งเป็นมาตรการเดินทางปลอดภัยของรัฐฮาวาย ขณะแวะต่อเครื่องที่ซานฟรานซิสโก ได้รับแจ้งว่าติดโควิด-19 ขอให้งดเดินทางและกักตัว แต่ทั้งคู่ไม่สนใจ ต่อเที่ยวบินยูไนเต็ด แอร์ไลนส์ กลับเมืองลิฮู รัฐฮาวายตามแผนเดิม
เมื่อไปถึง ก็มีเจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขกับตำรวจมารออยู่ เข้าประกบนำตัวไปห้องแยกกักและสอบสวน ส่วนเด็กวัย 4 ขวบที่บางสำนักข่าวระบุว่าเป็นลูกชายที่เดินทางมาด้วยกัน ให้ญาติมารับกลับบ้าน
ไม่ชัดเจนว่าใครเป็นคนแจ้งผลตรวจเชื้อให้กับทั้งสองได้รับทราบ ตอนแรก โฆษกตำรวจเมืองคาวายอิ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่กักกันของสนามบินนานาชาติซานฟรานซิสโก เป็นผู้แจ้ง แต่สนามบินระบุว่าไม่ได้พูดคุยกับทั้งสองเลย และเป็นศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) ที่ได้แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่สนามบินลิฮู ให้เตรียมพร้อม หลังจากโมริเบกับปีเตอร์สันขึ้นเครื่องบินตามแผนการเดิม ด้าน สายการบิน ยูไนเต็ด แอร์ไลนส์ ระบุว่า ก่อนเดินทาง ผู้โดยสารทุกคนจะต้องกรอกข้อมูล "Ready to Fly" หรือยืนยันว่ามีความพร้อมเดินทาง และไม่เคยถูกตรวจพบเชื้อไวรัสโรคโควิด-19 ในช่วง 14 วันที่ผ่านมา สายการบินกำลังสอบสวนเรื่องนี้เพื่อประเมินมาตรการในอนาคต
ตำรวจกล่าวว่า สามีภรรยาคู่นี้ ทำให้ผู้โดยสารบนเที่ยวบินตกอยู่ในความเสี่ยงถึงแก่ชีวิต จากการขึ้นเครื่องบินโดยรู้ผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก ทั้งสองวางเงินประกันคนละ 1,420 ดอลลาร์ และมีกำหนดไปขึ้นศาล 6 ม.ค. หากถูกตัดสินมีความผิด อาจถูกลงโทษจำคุก 1 ปี หรือปรับ 2,680 ดอลลาร์ (ประมาณ 8,100 บาท)
ข้อมูลจาก https://www.komchadluek.net/news/foreign/450961?adz=