6 ธ.ค.2563 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thira Woratanarat ระบุว่า
สถานการณ์ทั่วโลก 6 ธันวาคม 2563...
วันนี้อันดับโลกท็อปเท็นเปลี่ยนแปลง อิตาลีแซงสหราชอาณาจักรและสเปนขึ้นมาอันดับ 6
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 585,199 คน รวมแล้วตอนนี้ 66,746,077 คน ตายเพิ่มอีก 9,516 คน ยอดตายรวม 1,532,581 คน
อเมริกา กำลังจะแตะ 15 ล้านคน เมื่อวานติดเชิ้อเพิ่มอีก 191,521 คน รวม 14,926,086 คน ตายเพิ่มอีก 2,030 คน ยอดตายรวม 287,310 คน
สถานการณ์อเมริกาน่าเป็นห่วงมาก ติดเชื้อประเทศเดียวคิดเป็น 22% ของทั้งโลก หลายรัฐมีอัตราการตรวจพบว่าติดเชื้อจากการตรวจโควิดสูงมาก เช่น Idaho 50.4%, South Dakota 47%, Kansas 46.6%, Iowa 41.3%, Alabama 36.4%, Pennsylvania 33.9% สมัยเกือบยี่สิบปีก่อนเคยไปอยู่ที่ Delaware และ Maryland ตอนนี้ 8.2% และ 6.6% ตามลำดับ
ปัจจุบันเค้าตรวจโควิดวันละประมาณเกือบสองล้านครั้ง อัตราการตรวจพบว่าติดเชื้อเฉลี่ย 10.3%
เอาใจช่วยให้เค้าคุมโควิดได้โดยเร็ว ลักษณะการระบาดเช่นนี้หากต่างรัฐต่างคนต่างทำจะคุมได้ยาก
อินเดีย ติดเพิ่ม 29,217 คน รวม 9,636,849 คน
บราซิล ติดเพิ่ม 43,209 คน รวม 6,577,177 คน
รัสเซีย ทำลายสถิติเดิม ติดเพิ่มอีกถึง 28,782 คน รวม 2,431,731 คน
ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 12,923 คน รวม 2,281,475 คน
อันดับ 6-10 ตอนนี้เปลี่ยนเป็น อิตาลี สหราชอาณาจักร สเปน อาร์เจนตินา และโคลอมเบีย ส่วนใหญ่ติดกันหลายพันถึงหลักหมื่นต่อวัน เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงอิหร่าน ตุรกี บังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย และเมียนมาร์ ติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลายหมื่น
คาดว่าอีกราว 10 วัน ตุรกีจะเป็นประเทศที่ 15 ที่จะมีผู้ติดเชื้อเกินล้านคน ช่วงนี้ติดเพิ่มวันละหลายหมื่นคน หากคุมไม่ได้อาจเป็นศูนย์กลางระบาดในแถบนั้นที่น่ากังวล เพราะมีประชากรถึง 82 ล้านคน เป็นอันดับ 17 ของโลกในแง่จำนวนประชากร
แถบสแกนดิเนเวีย รอบทะเลบอลติก และแถบยูเรเชียยังคงน่าเป็นห่วง ติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ทั้งเดนมาร์ก ฟินแลนด์ ลัตเวีย เอสโตเนีย จอร์เจีย ฯลฯ
เกาหลีใต้ และฮ่องกง ติดเพิ่มหลักร้อย ส่วนจีน และสิงคโปร์ ติดเพิ่มหลักสิบ ในขณะที่ออสเตรเลีย เวียดนาม และนิวซีแลนด์ ยังมีติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
...สถานการณ์ในเมียนมาร์ กำลังจะทะลุแสนคน เมื่อวานติดเพิ่มขึ้นอีก 1,527 คน ตายเพิ่มอีก 22 คน ตอนนี้ยอดรวม 98,047 คน ตายไป 2,081 คน อัตราตายตอนนี้ 2.1%
ภาพรวมการระบาดทั่วโลกนั้นยังรุนแรงต่อเนื่อง ประเทศที่เคยระบาดรุนแรงมากอย่างอเมริกาก็ยังคุมไม่ได้ แต่กลับหนักขึ้นไปอีกหลังเข้าสู่ฤดูหนาวและมีเทศกาลต่างๆ ที่มีคนพบปะ ไปมาหาสู่กันตามประเพณี
จากต้นกันยายนถึงต้นธันวาคม สามเดือนที่ผ่านมา จำนวนการติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากเดือนละ 9.5 ล้านคน เป็นเดือนละ 13 ล้านคน และล่าสุดเป็น 18 ล้านคนภายในเดือนเดียว หากเป็นเช่นนี้จะแตะแปดสิบล้านตอนปีใหม่
จำนวนผู้ติดเชื้อที่รุนแรงและวิกฤตินั้นก็เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ปัจจุบันมียอดรวมมากกว่าเดือนตุลาคมถึงสองเท่าตัว และมีจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นถึงเกือบ 500,000 คนในสองเดือน บ่งบอกถึงภาวะที่จำนวนการติดเชื้อสูงเกินกว่าระบบสุขภาพจะรับไหว
ดูข้อมูลเช่นนี้ แล้วหากปรามาสว่า COVID-19 เป็นโรคกระจอก คงต้องทบทวนแล้วว่า สิ่งที่รู้ สิ่งที่ทำ สิ่งที่เชื่อนั้น เป็นมายาคติหรือไม่?
และมายาคตินั้นจะน่ากลัวมาก หากส่งผลต่อการตัดสินใจเชิงนโยบายและมาตรการต่างๆ ที่ส่งผลต่อประเทศ มีผลต่อสวัสดิภาพความปลอดภัยของประชาชนทุกคนในประเทศ
และหากจะแนะนำท่านผู้นำประเทศใดๆ ที่เห็นปรากฏการณ์ดังกล่าว ถ้าให้ความสำคัญ คำนึงถึงสวัสดิภาพความปลอดภัยของคน และความมั่นคงของชาติ คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการเรียกไปปรับทัศนคติ และไม่ให้มีอำนาจดำเนินการต่างๆ ที่เสี่ยงต่อปัญหาโรคระบาดที่รุนแรงเช่นนี้ครับ
อีก 13 วันก็จะครบเก้าเดือนเต็มที่เราได้สู้กับโควิดกันมาอย่างเต็มที่จนรอดพ้นระลอกแรกมาได้ แต่ตอนนี้สถานการณ์การระบาดในประเทศไม่โอเคแล้วครับ ควรช่วยกันอย่างเต็มที่ไม่ให้สะดุดหัวคะมำ
กราบเรียนท่านนายกรัฐมนตรี ศบค. และหน่วยงานความมั่นคง ได้โปรดพิจารณาดำเนินมาตรการเข้มข้นตอนนี้สักสองสัปดาห์ เพื่อรักษาปีใหม่ให้กับประชาชน ดีกว่าจะเสี่ยงให้ล้มกันยาว แล้วจะไม่มีแรงฟื้นฟู
ประกาศพื้นที่เสี่ยง... รณรงค์ลด ละ เลี่ยง การเดินทางไปพื้นที่เสี่ยง ยกเว้นจำเป็นจริงๆ...
หากเดินทางเข้าไปในพื้นที่ ต้องป้องกันตัวเสมอ และออกจากพิ้นที่แล้วควรสังเกตอาการตนเอง ถ้าไม่สบายให้รีบไปตรวจ...
เร่งพัฒนาระบบบริการตรวจโควิดให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เข้าถึงได้ง่าย...
ไม่งั้นเราอาจเข้าทำนอง...เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย...