Here is my time line
เดินทางออกจากประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 23 ธันวาบินสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์จากAmarillo เท็กซัสไปที่ Dallas เท็กซัสเปลี่ยนเครื่องเป็นQatar แอร์เว้ยบินจากDallas ไปเมืองDoha แล้วก็กรุงเทพมาถึงกรุงเทพเมื่อวันที่ 25 ธันวาคมเวลา 7 โมงเช้า มีรายละเอียดมากมายในกระบวนการที่จะบินกลับจากสหรัฐไปกรุงเทพที่สำคัญที่สุดก็คือเราต้องไปตรวจร่างกายและทำเทสว่าไม่เป็นโรคโควิช 72 ชั่วโมงก่อนออกเดินทางหมอที่เท็กซัสได้ตรวจเราแบบ rapid test ใช้เวลาแค่ 15 นาทีผลออกมาเป็นในnegative รวมทั้งคุณเกี่ยวก็เลยได้ขึ้นเครื่องบินมาเมืองไทยแต่การตรวจแบบนี้มันไม่ละเอียดพอมาคิดย้อนหลังไปเริ่มมีอาการตั้งแต่นั่งอยู่บนเครื่องบินแล้วอาหารไม่มีรสชาติอะไรก็ไม่อร่อยไม่มีแรงนอนอย่างเดียวมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิเวลา 7 โมงเช้า ก็ถูกพาไปกักตัวที่โรงแรมดุสิตศรีนครินทร์อาการยังไม่มากแต่ภายใน 48 ชั่วโมงต่อมาอาการทรุดลงอย่างรวดเร็วไข้ขึ้นปวดเมื่อยตามร่างกายทุกอณูขุมขนปวดจนกระทั่งคิดว่ากระดูก มันจะแตกปวดแม่กระทั่งจับเส้นผมก็ไม่ได้ใครถูกตัวก็ไม่ได้ยิ่งไปนวดยิ่งปวดหนักหมดแรงนอนพังพาบท้องเสียอย่างรุนแรงพยาบาลเข้ามาเทสต์โควิชผลออกมาเป็นบวกคราวนี้ก็ชุลมุนวุ่นวายโรงพยาบาลปิยะเวทส่งรถแอมบูเลนส์มารับตอนกลางตึกในระหว่างที่นอนบนรถแอมบูเลนส์ก็คิดได้ว่าเรามีโอกาสจะเดี้ยงเหมือนกัน นี่เราจะตายหรือนี่ตอนนั้นมันก็เลยเศร้าใจสุดสุดทำงานมาชั่วชีวิตยังไม่มีโอกาสได้ใช้เงินและเอ็นจอยไลฟ์ก็ทำท่าจะตายเสียแล้ว
คุณหมอที่โรงพยาบาลปิยะเวทตัดสินใจรวดเร็วและถูกต้องโดยการให้ยา Favipiravir 3200 mg ต่อวันทานไปวันแรกดีอย่างเหลือเชื่อตื่นมาตอนเช้าหายไป 80% มาถึงตอนนี้เป็นวันที่ห้าของยานี้ได้ลดลงมาเหลือ 1200 มิลลิกรัมต่อวันรู้สึกดีขึ้นเป็นปกติทุกอย่างความเจ็บปวดได้หายไปเราโชคดีที่ไม่มีอาการทางปอด โชคดีที่ได้มาป่วยในเมืองไทยได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดีถ้าป่วยอยู่ที่เท็กซัสอาจจะตายมีเพื่อนอเมริกันคนหนึ่งป่วยพร้อมเราอายุเท่ากันที่Texas ตอนนี้ก็ตายไปแล้ว ขอบคุณเพื่อนทุกคนที่เป็นห่วงผมไม่มีปัญหาแล้วได้ใดทั้งสิ้นพร้อมที่จะออกจากโรงพยาบาลนี้ทุกเมื่อ มีงานที่ต้องทำอีกมากมาย