2 คือ คุณธรรมคุ้มครองโลกสองประการ
i) หิริ การเห็นว่าบาปกรรมเป็นเรื่องน่าละอายพอๆ กับการถ่ายอุจจาระกลางตลาด
ii) โอตตัปปะ การเห็นว่าบาปกรรมน่ากลัวพอๆ xการเอามือไปคว้างูพิษ
0 คือ ที่พึ่งจากโลกอันบ้าคลั่ง
สมาธิ ความสงบเยือกเย็นในความว่าง เมื่อเหนื่อยล้าจากอารมณ์และความคิดที่ขึ้นๆ ลงๆ มีเพิ่มมีลดไม่หยุดหย่อน
2 คือ คุณธรรมอันนำมาซึ่งความงามสง่าสองประการ
i) ขันติ ความอดทน อดกลั้น
ii) โสรัจจะ ความสงบระงับ และกิริยาอาการอันสงบเสงี่ยม
2 คือ คุณธรรมอันมีอุปการะมากสองประการ
i) สติ การมีสติ ระลึกได้ในสิ่งที่ควรระลึกได้ และจดจำในสิ่งที่ควรจดจำได้
ii) สัมปชัญญะ ความรู้ชัดจากการมีสติ การตระหนักรู้โดยปราศจากอคติในด้านบริบทแวดล้อม เป้าหมาย และความถูกต้องเหมาะสม
ขออำนวยพรให้ทุกท่านมีความสุขความเจริญในปี ค.ศ. 2022
ธรรมะคำสอน โดย พระอาจารย์ชยสาโร
แปลถอดความ โดย ปิยสีโลภิกขุ
28ส.ค.64 - จากความสำเร็จในการพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำยาบ้วนปากสำหรับผู้ป่วยที่มีแผลในช่องปาก ที่ทำจากสารสกัดธรรมชาติข้าวไทย ซึ่งมากมายคุณประโยชน์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้พัฒนาต่อยอด สู่ผลงานนวัตกรรมเพื่อการดูแลสุขภาวะช่องปาก ในภาวะวิกฤติ COVID-19 ด้วยการพัฒนาน้ำยาบ้วนปาก ที่สามารถยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสก่อโรค COVID-19 รวมทั้งเชื้อที่กลายพันธุ์ หลังการบ้วนปากได้ทันที โดยน้ำยาบ้วนปากดังกล่าว ได้ผ่านการทดสอบและรับรองผลประสิทธิภาพ การใช้จริง กับผู้ป่วย โรงพยาบาลทันตกรรม คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และได้ยื่นจดอนุสิทธิบัตรกับกรมทรัพย์สินทางปัญญา ในนามของสถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม (iNT) มหาวิทยาลัยมหิดล
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ทันตแพทย์สุรกิจ วิสุทธิวัฒนากร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทันตกรรม คณะทันตแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ที่ผ่านมา ทางโรงพยาบาลทันตกรรม มุ่งให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยจากการให้บริการที่ปลอดเชื้อต่อผู้ป่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวิกฤติ COVID-19 ซึ่งจะต้องมีการเตรียมช่องปากของผู้ป่วยให้ปลอดภัย ด้วยการให้ผู้ป่วยบ้วนปากด้วยน้ำยาที่มีฤทธิ์ยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อโควิด ก่อนเข้ารับการรักษาทางทันตกรรมทุกครั้ง โดยสูตรนวัตกรรมน้ำยาบ้วนปากที่มีฤทธิ์ยับยั้งการแพร่กระจายของไวรัสโควิดนี้ คณะทันตแพทยศาสตร์ ได้ร่วมกับ คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล คิดค้นขึ้น พบว่าสามารถสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องความปลอดเชื้อของผู้ป่วย และไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อเยื่อบุภายในช่องปาก
ทีมวิจัยน้ำยาบ้วนปาก สูตรฆ่าเชื้อโควิด 19 นี้ ประกอบด้วย รองศาสตราจารย์ ดร. ทันตแพทย์หญิงศรัญญา ตันเจริญ หัวหน้าภาควิชาเภสัชวิทยา คณะทันตแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ร่วมกับ รองศาสตราจารย์ดร.พรสวรรค์ เหลืองวุฒิวงษ์ หัวหน้าภาควิชาชีววิทยาและอิมมิวโนโลยี และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ อกนิษฐ์ จิตต์มิตรภาพ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยาและอิมมิวโนโลยีคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล
รองศาสตราจารย์ ดร. ทันตแพทย์หญิงศรัญญา ให้ข้อมูลอีกว่า น้ำยาบ้วนปากที่มีฤทธิ์ยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสก่อโรค COVID-19 นี้ ยังมีผลต่อเชื้อโควิดที่กลายพันธุ์ ส่วนผสมสำคัญ คือ การใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ในปริมาณที่เหมาะสมและปลอดภัย ร่วมกับองค์ประกอบที่ไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองในช่องปาก มีการทดสอบในห้องปฏิบัติการ ในเซลล์เส้นใยเหงือกของมนุษย์ จนเห็นผลจริงในผู้ป่วย ที่เข้ารับบริการในโรงพยาบาลทันตกรรม คณะทันตแพทยศาสตร์ ม.มหิดลน ว่าสามารถยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อโควิดได้มากกว่า 99.9%
"สมมุติว่ามีปริมาณเชื้อไวรัสโควิด 19 ประมาณ 1 แสนตัว หากใช้น้ำยาบ้วนปากนี้แล้ว จะทำให้เหลือเชื้อไวรัส โควิด ที่มีชีวิตอยู่เพียงประมาณ 41 ตัว เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้น้ำยาบ้วนปากชนิดอื่น "
รองศาสตราจารย์ ดร. ทันตแพทย์หญิงศรัญญา เผยอีกว่า จุดเด่นอีกอย่างของน้ำยานี้คือ ความสามารถในการยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อโควิด ที่กลายพันธุ์ได้ด้วย โดยจะไปทำลายไขมันที่หุ้มตัวเชื้อไวรัส ทำให้ขาดองค์ประกอบที่จะเพิ่มจำนวนต่อไปได้ นอกจากนี้ ยังไม่ทำให้เกิดการติดสีที่วัสดุตัวฟันของผู้ป่วยอีกด้วย อีกทั้งยังสามารถจัดเก็บได้นานเกิน 1 ปีในอุณหภูมิห้อง ซึ่งพบว่ายังสามารถยับยั้งการแพร่กระจายเชื้อโควิด ได้เช่นเดิม และที่สำคัญใช้เวลาในการบ้วนปากเพียงไม่ถึง 1 นาที โดยเรามีแผนจะนำไปใช้ตามโรงพยาบาลสนามต่างๆ ในช่วงวิกฤติ COVID-19 และในสถานที่ซึ่งยากจะหลีกเลี่ยงต่อการรักษาระยะห่าง เช่น ทัณฑสถาน และค่ายทหาร เป็นต้น ต่อไป
ข้อมูลจาก https://www.thaipost.net/main/detail/114831
คนดีๆ พังพินาศได้ใน ๓ วินาทีเพราะอะไร
เรื่องที่ ๑
…..ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทแห่งหนึ่ง รูปหล่อ ร่ำรวย อายุ 33 ปี ได้แต่งงานกับบุตรสาวของบุคคลในกลุ่มทุนใหญ่ เธอทั้งสวยและฉลาด อายุ 28 ปี ปีต่อมาก็ได้ให้กำเนิดบุตรฝาแฝดชาย-หญิงน่ารักคู่หนึ่ง เขาเป็นคนสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตน ทำงานจริงจัง
…..คติพจน์ ประจำใจ คือ “..ไม่มีเรื่องใดในโลกที่เป็นเรื่องยาก ขอเพียงเราตั้งใจทำจริงเท่านั้น..”
…..คืนหนึ่ง เขาได้ขับรถเบนซ์คันเก่งของเขา ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย เขาขับรถชนกับรถจักรยานยนต์คันหนึ่ง ที่ฝ่าฝืนกฎจราจรขับย้อนศรมา เขาจึงโมโหมาก…เกิดการการทะเลาะกันหนักหน่วง ในที่สุด…เขาโดนวัยรุ่นพาลเกเรอายุยังไม่ถึง 18 แทงตาย !
เรื่องที่ ๒
…..ดาวมหาวิทยาลัยคนหนึ่ง อายุ 20 ปี ได้รับการอบรมบ่มนิสัยจากพ่อแม่อย่างดีตั้งแต่เด็ก เชี่ยวชาญในเครื่องดนตรีหลายชนิด และชำนาญภาษาต่างประเทศ มีรอยยิ้มอันอ่อนหวาน บุคลิกสง่างาม
…..คติพจน์ประจำใจว่า “..เพียงแต่คุณหันหน้าเข้าหาแสงสว่าง ก็จะไม่มีเงามืด..”
…..คืนวันหนึ่ง หลังจากจัดปาร์ตี้วันเกิดแล้ว เป็นวันฝนตก เธอได้ทะเลาะกับแฟนหนุ่ม ที่คบกันมากกว่า 1 ปี ด้วยความโมโหของเธอ…เธอจึงกระโดดตึก..เสียชีวิต !
เรื่องที่ ๓
…..เจ้าของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง อายุ 60 ปี ก่อร่างสร้างตัวจากมือเปล่า ในวัยหนุ่ม เขาประสบความสำเร็จในตลาดการค้า ได้สร้างอาณาจักรธุรกิจของตนเอง เขาอ่านตำราพิชัยสงครามของซุนอู่จนชำนาญ และเชี่ยวชาญการทำธุรกิจร่วมทุน (Venture Capital)
…..คติพจน์ประจำใจคือ “...เป็นผู้นำ…และผู้สร้างสรรค์ที่มีประสิทธิภาพที่สำคัญที่สุด..”
…..คืนวันหนึ่ง หลังจากการประชุมทางวิดิโอแล้ว (Video Conference) ในคืนท้องฟ้าครึ้มฝน เขาโมโห…ได้ด่าพนักงานระดับล่างคนหนึ่งอย่างรุนแรง ว่า…โง่เหมือนหมู ด้วยความโกรธ พนักงานจึงได้หยิบเอาที่เขี่ยบุหรี่ทุบศีรษะเขา…จนกะโหลกแตกตาย ! ทำให้ธุรกิจของเขาถูกทุบทำลายพังพินาศไปด้วย
….เรื่องทั้ง 3 ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกัน แต่มีจุดสำคัญที่เหมือนกันคือ ความโมโห…ที่เกิดขึ้นใน 3 วินาที
…..ทำไม.? มีคนจำนวนมากใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังรอบคอบ วางแผนไว้รอบด้าน บนโต๊ะก็แปะติดคติพจน์การดำรงชีวิตต่างๆ กินอาหาร…เครื่องดื่มประเภทบำรุงสุขภาพให้แข็งแรงตลอด ในสมุดบันทึกก็จดสูตรลับต่างๆ ที่ใช้เพื่อการบำรุงร่างกายให้แข็งแรง…เพื่อให้มีอายุยืนยาว แต่ทุกอย่างมักพังทลายจากความโกรธ…ความโมโห…อารมณ์ชั่ววูบใน 3 วินาทีเท่านั้น
…..เพราะว่า ใน 3 วินาทีนี้ ไม่สามารถมีสติ…ที่จะทนได้..ทนไม่ไหว ลืมที่จะอดทน ในที่สุด…นำมาซึ่งผลงานที่ได้สร้างมา…ถูกพังทลายจนสิ้น
…..การแต่งงาน …ต้องใช้เวลาดำเนินการที่ยาวนาน พูดเรื่องหย่าใช้เวลาเพียง 3 วินาที
…..การคบเพื่อนสนิท…ต้องใช้เวลาที่ยาวนาน ครั้นจะโกรธกันก็ใช้เวลาเพียง 3 วินาที
…..การมีภาพพจน์ที่ดี…ต้องใช้เวลาที่ยาวนาน การพูดผิดใช้เวลาเพียง 3 วินาที
…..ความสุขต้องใช้เวลาบ่มเพาะที่ยาวนาน …ปลงไม่ตกใช้เวลาเพียง 3 วินาที
…..การสำรวมต้องใช้ความอดทนที่ยาวนาน …อารมณ์ชั่ววูบใช้เวลาเพียง 3 วินาที
…..พี่ๆน้องๆ และเพื่อนๆครับ คนโบราณกล่าวไว้ว่า คนที่ฉลาดมาชั่วชีวิต แต่กลับทำเรื่องเหลวไหล…เพียงครั้งเดียว…ทุกอย่างอาจพังทลายไปหมดได้
~ ครั้งต่อไป ไม่ว่าจะมีอารมณ์โกรธ…หรือ โมโห…เกิดขึ้นในเวลาใดก็ตาม… ขอให้จำไว้ว่า กลั้นลมหายใจ ทำจิตตัวเองให้นิ่งจริงๆ บางที เพียง 3 วินาทีที่วิกฤตินี้ก็…อาจจะผ่านไปได้
~ การใช้เวลาครุ่นคิดอย่างมีสติ…ใน 3 วินาทีที่วิกฤตินี้ สามารถเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคุณได้ทั้งชีวิต นี่คือเหตุผลสำคัญ..ทำไม เราต้อง "ทำสมาธิ " เพื่อผลิตพลังจิต และสะสมพลังจิตทุกวัน…ขยันก็ทำ…ขี้เกียจก็ต้องทำ…ไม่ใช่ใครไหนที่ได้ประโยชน์…ตัวคุณนั่นเองแหละที่ได้ประโยชน์…ใครทำใครได้… ทำแทนกันไม่ได้…ทั้งนี้…ก็เพื่อฝึกที่จะผ่าน ..3 วินาที ที่สำคัญนี้ไปให้ได้ด้วยดี ……อย่าลืม..อย่าให้ 3 วินาทีแห่งความโกรธ(ความโง่) และ ความโมโห (ความบ้า) ของคุณนี้ พังชีวิตของคุณลงไป
~ ขอให้วันนี้วันที่20กุมภาพันธ์2564 เป็นวันที่ดี ขอให้คุณพระรักษา ธรรมคุ้มครองทุกท่านด้วยเทอญ....
16 ก.ย.2563 - ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล ร่วมกับคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “ใครจะเดือดร้อน หากมีโควิด - 19 รอบ 2” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 3 – 7 กันยายน 2563 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,315 หน่วยตัวอย่าง
จากการสำรวจเมื่อถามประชาชนถึงกลุ่มที่จะเดือดร้อนมากที่สุด หากเกิดการระบาดของโควิด - 19 รอบที่ 2 พบว่า ส่วนใหญ่ 43.12% ระบุว่า คนจนที่หาเช้ากินค่ำ รองลงมา 14.68% ระบุว่า พ่อค้า – แม่ค้าทั่วไป 9.66% ระบุว่า กลุ่มธุรกิจการท่องเที่ยว เช่น โรงแรม บริษัททัวร์ ไกด์ ร้านอาหาร เป็นต้น 8.59% ระบุว่า ผู้ที่ปัจจุบันยังคงตกงานอยู่ 7.53% ระบุว่า กลุ่มผู้เปราะบางในสังคม เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้พิการ 5.02% ระบุว่า พนักงานบริษัท/พนักงานโรงงาน 2.66% ระบุว่า นักเรียน/นักศึกษา 2.59% ระบุว่า บุคลากรทางการแพทย์/สาธารณสุข 2.51% ระบุว่า ผู้ประกอบอาชีพอิสระ 1.44% ระบุว่า เกษตรกร 1.29% ระบุว่า กลุ่มแรงงานต่างด้าว 0.76% ระบุว่า ข้าราชการ/เจ้าหน้าที่รัฐ และ 0.15% ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่ทราบ/ไม่สนใจ
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความคิดเห็นต่อมาตรการ/งบประมาณ การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ หากเกิดการระบาดของโควิด - 19 รอบที่ 2 พบว่า ส่วนใหญ่ 33.54% ระบุว่า รัฐบาลจะไม่มีงบประมาณสำหรับมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ รองลงมา 30.80% ระบุว่า มาตรการ/งบประมาณการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจะเหมือนหรือเท่าๆ เดิม 19.70% ระบุว่า มาตรการ/งบประมาณการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจะน้อยลง 13.16% ระบุว่า มาตรการ/งบประมาณการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจะมากขึ้น และ 2.80% ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่ทราบ/ไม่สนใจ
บทความต้นฉบับ https://www.thaipost.net/main/detail/77579
คนเป็นโควิด ไม่ใส่หน้ากากอนามัย แพร่เชื้อให้คนปกติ ที่ใส่หน้ากากอนามัยได้ 70%
.
คนเป็นโควิด ใส่หน้ากากอนามัย แพร่เชื้อให้คนปกติที่ไม่ใส่หน้ากากอนามัยได้ 5%
.
ต่างคนต่างใส่หน้ากากอนามัย ส่งผ่านเชื้อกันได้ 1.5%
.
หลายคนมีเชื้อโควิดโดยไม่มีอาการ
.
#พึงดำเนินชีวิตด้วยความไม่ประมาทเถิด
Cr. ปู จิตกร บุษบา
หน้าที่ 57 จาก 147