องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกมาพูดถึงการระบาดใหญ่ว่าจะไม่สิ้นสุด เนื่องจากการติดเชื้อในระดับสูงทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะนำไปสู่สายพันธุ์ใหม่เมื่อไวรัสกลายพันธุ์ แม้ว่าการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) จะเริ่มดีขึ้นในบางประเทศ

“เราได้ยินหลายคนพูดว่า โอมิครอนเป็นสายพันธุ์สุดท้ายของ COVID-19 ซึ่งนั่นไม่จริง เพราะเชื้อไวรัสนี้แพร่กระจายและหมุนเวียนในระดับที่รุนแรงมากไปทั่วโลก” มาเรีย แวน เคอร์คอฟ หัวหน้าฝ่ายเทคนิคด้าน COVID-19 ของ WHO กล่าว

การติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้น 20% ทั่วโลกในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีรายงานผู้ป่วยทั้งหมดเกือบ 19 ล้านรายตามรายงานของ WHO แต่ มาเรีย แวน เคอร์คอฟ ตั้งข้อสังเกตว่ายังมีการติดเชื้อใหม่ที่ไม่ได้อยู่ในรายงาน ทำให้จำนวนจริงสูงขึ้นมากกว่าที่คาด

“การแพร่เชื้อในระดับสูงทำให้ไวรัสมีโอกาสแพร่พันธุ์และกลายพันธุ์มากขึ้น ทำให้เกิดความเสี่ยงที่รูปแบบใหม่จะเกิดขึ้น” ดร.บรูซ เอิลเวิร์ด เจ้าหน้าที่อาวุโสของ WHO เตือน

CHINA test covid-19

มาเรีย แวน เคอร์คอฟ กล่าวว่า ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะผ่อนคลายมาตรการด้านสาธารณสุข เช่น ไม่ว่าจะเป็นการใส่หน้ากากและการเว้นระยะห่างทางสังคม เธอเรียกร้องให้รัฐบาลต่าง ๆ เสริมความแข็งแกร่งให้กับมาตรการเหล่านั้นเพื่อควบคุมไวรัสให้ดีขึ้น และป้องกันคลื่นการติดเชื้อในอนาคต เมื่อมีสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้น

“ถ้าเราไม่ทำตอนนี้ เราจะก้าวไปสู่วิกฤตครั้งต่อไป และเราจำเป็นต้องยุติวิกฤตที่เราอยู่ในขณะนี้และเราสามารถทำได้ในขณะนี้ ดังนั้นอย่าละทิ้งกลยุทธ์ที่ใช้ได้ผลที่ปกป้องเราและคนที่เรารักให้ปลอดภัย” เธอกล่าว

ดร.แอนโธนี เฟาซี กล่าวว่า ยังเร็วเกินไปที่จะคาดการณ์ว่าโอมิครอนจะเป็นเวฟสุดท้ายของการระบาดใหญ่หรือไม่

“ผมหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น แต่มันจะเป็นอย่างนั้นก็ต่อเมื่อเราไม่พบตัวแปรอื่นที่หลีกเลี่ยงการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันของตัวแปรก่อนหน้า” เฟาซี กล่าว

ทั้งนี้ เทดรอส อัดฮานอม เกเบรย์ซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก กล่าวว่า การติดเชื้อรายใหม่กำลังพุ่งถึงจุดสูงสุดในบางประเทศ สร้างความหวังว่าเวฟโอมิครอนที่เลวร้ายที่สุดจะสิ้นสุดลง อย่างไรก็ตาม ระบบบริการสุขภาพยังอยู่ภายใต้แรงกดดันจากเวฟการระบาดดังกล่าว

“ฉันขอให้ทุกคนพยายามอย่างเต็มที่เพื่อลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ เพื่อที่คุณจะได้ช่วยลดแรงกดดันจากระบบ นี่ไม่ใช่เวลายอมแพ้”

ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกเตือนซ้ำ ๆ ว่า การกระจายวัคซีนอย่างไม่เท่าเทียมกันทั่วโลกทำให้อัตราการสร้างภูมิคุ้มกันต่ำในประเทศกำลังพัฒนา ทำให้ประชากรจำนวนมากเสี่ยงต่อการเกิดขึ้นของสายพันธุ์ใหม่ องค์การอนามัยโลกได้ตั้งเป้าหมายให้ทุกประเทศฉีดวัคซีน 40% ของประชากรทั้งหมดภายในสิ้นปี 2564 อย่างไรก็ตาม 92 ประเทศไม่บรรลุเป้าหมายดังกล่าวตามข้อมูลของ WHO

ข้อมูลจาก https://positioningmag.com/1370888

‘นพ.ยง’ ชี้ ‘โควิด’ คุมยาก! แม้ไทยติดเชื้อน้อยแต่ทั่วโลกยังระบาดวันละแสนคน

"นพ.ยง" ชี้ "โควิด" คุมยาก! แม้ไทยติดเชื้อน้อยแต่ทั่วโลกยังระบาดวันละแสนคน ย้ำต้องปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตใหม่

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Yong Poovorawan ระบุว่า "โควิด-19 เราจะต้องอยู่ด้วยกันได้" ถึงแม้ว่า ขณะนี้ประเทศไทยติดเชื้อน้อยมาก จะพบการติดเชื้อส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศ มาตรการในการควบคุมทำได้ดีมาก แต่ยังมีโรคนี้ระบาดอยู่ทั่วโลก มีผู้ป่วยใหม่วันละเป็นแสนคน จึงเป็นการยากที่จะกวาดล้างไวรัสนี้ให้หมดไป ทุกคนจึงจำเป็นที่จะต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตใหม่

ในทุกปี "โรคติดเชื้อทางเดินหายใจ" เช่น ไข้หวัดใหญ่ RSV จะพบน้อยมากในฤดูร้อน และในช่วงปิดเทอมจะระบาดมากในฤดูฝน เริ่มตั้งแต่นักเรียนเปิดเทอม จะติดต่อกันง่ายมากในโรงเรียน

"โควิด-19" เป็นอีกโรคหนึ่งที่มีการติดเชื้อ เช่นเดียวกับโรคทางเดินหายใจ ก็ไม่แปลกที่จะระบาดในฤดูฝน โดยเฉพาะจากเด็กสู่เด็กก่อนแล้วจึงแพร่ระบาดออกไป

การระบาดในระลอก 2 ถ้าเกิดในฤดูฝน อย่างไข้หวัดใหญ่ก็ยากที่จะควบคุม จะต้องเริ่มต้นปิดบ้านปิดเมืองใหม่ หรือ ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น

การเรียนการสอนปีนี้ จึงต้องอยู่ในวิถีชีวิตใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดการระบาดของโรคได้ เด็กนักเรียนจะต้องเรียนได้ทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน การเรียนการสอน ไม่ควรยกให้เป็นภาระของโรงเรียนเท่านั้น ที่บ้านก็จะต้องมีบทบาทมาก แม้กระทั่งท้องถิ่น ก็มีปราชญ์ชาวบ้านมากมาย ที่พร้อมจะสอนได้

การประสบความสำเร็จในชีวิตของเด็ก ไม่ได้เกิดจากการแข่งขันเข้าเรียน การกวดวิชา โรงเรียนกวดวิชาไม่สามารถกำหนดระยะห่างของบุคคลได้
เด็กเรียนกวดวิชาจ่ายค่าเล่าเรียนแพง แล้วนั่งเรียนกับครูตู้ นั่งติดกัน ก็ไม่เห็นมีใครบ่น หรือดรามา

ที่ผ่านมา คนมีฐานะสามารถให้ลูกหลานไปเรียนกวดวิชา เกิดความแตกต่างทางการศึกษา เพราะตัววัดของเราไม่ดี คุณครูเองก็จะต้องเปลี่ยนวิธีการสอนใหม่ เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสเลย การเรียนเชิงภาคปฏิบัติ ปฏิบัติงานจริง ไปทำได้จริง ถึงอยู่ที่บ้านก็สามารถทำได้

การศึกษาในปีนี้ จึงต้องมีการเตรียมการ การเรียนการสอนแบบวิถีชีวิตใหม่ ให้เด็กไทยประสบความสำเร็จในชีวิต ไม่ใช่เกิดความเครียดในการเรียน ตั้งแต่เช้าจนเย็น นอกเวลาต้องไปกวดวิชา วิถีชีวิตใหม่ อาจทำให้เด็กมีความสุขมากขึ้นก็ได้

 

ขอบคุณข้อมูลจาก  https://today.line.me/

เนื้อหาต้นฉบับ https://today.line.me/TH/pc/article/aQ1PoP?utm_source=lineshare

 

 

 

 
รัฐบาลนิวซีแลนด์ประกาศแจกหน้ากากอนามัยฟรี และให้บริการตรวจโควิด-19 ด้วยชุดตรวจ ATK ฟรีแก่ประชาชนวันนี้ (14 ก.ค.) หลังยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันและผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่มีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นจนระบบสาธารณสุขเริ่มเข้าสู่ภาวะตึงตัว

ผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันในนิวซีแลนด์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา และทางการประเมินว่า การระบาดของเชื้อสายพันธุ์ “โอมิครอน” ระลอกใหม่นี้อาจจะรุนแรงยิ่งกว่าระลอกแรก

โรงพยาบาลหลายแห่งในนิวซีแลนด์มีผู้ป่วยเข้ารักษาตัวเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้คนไข้ต้องใช้เวลารอการรักษานานขึ้น และแพทย์ต้องขอเลื่อนเคสผ่าตัดที่ไม่เร่งด่วนออกไปก่อน

“ยอดผู้ป่วยโควิด-19 และอัตราการป่วยเข้าโรงพยาบาลที่เพิ่มขึ้น ประกอบช่วงนี้เป็นฤดูการระบาดของไข้หวัดใหญ่ที่รุนแรงกว่าเดิม และมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ต้องหยุดงานไป ทำให้ระบบโรงพยาบาลอยู่ในภาวะตึงตัวอย่างมาก” อาเยชา เวอร์รอลล์ รัฐมนตรีฝ่ายการรับมือโควิด-19 ของนิวซีแลนด์ ระบุ

นิวซีแลนด์ซึ่งมีประชากร 5.1 ล้านคน พบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่มขึ้นอีก 11,382 รายวันนี้ (14) และมีจำนวนผู้ป่วยในชุมชน (active community cases) รวมทั้งสิ้น 68,737 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 765 ราย

มาตรการตอบสนองที่ฉับไวของรัฐบาลในช่วงแรกๆ บวกกับสภาพทางภูมิศาสตร์ของนิวซีแลนด์ที่เป็นเกาะ ช่วยให้แดนกีวีเกือบจะเป็นดินแดนปลอดโควิดมาได้จนถึงปลายปีที่แล้ว กระทั่งรัฐบาลตัดสินใจยกเลิกนโยบาย “คุมโควิดเป็นศูนย์” เมื่อต้นปีนี้ และหันมาปรับตัวอยู่ร่วมกับโควิด-19 เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนครบ

เวอร์รอลล์ ยอมรับว่ารัฐบาลคงไม่สามารถกลับไปใช้นโยบายคุมโควิดเป็นศูนย์ได้อีก ดังนั้น ประชาชนจึงจำเป็นที่จะต้องดูแลตัวเองด้วยการสวมหน้ากาก หมั่นตรวจหาเชื้อ และแยกกักตัวเองหากว่ามีคนในครอบครัวที่ติดโควิด-19

รัฐบาลนิวซีแลนด์อยู่ระหว่างขยายบริการตรวจ ATK และแจกหน้ากากอนามัยฟรีให้แก่ประชาชนอย่างทั่วถึงมากขึ้น และอนุญาตให้ร้ายขายยาสามารถจำหน่ายยารักษาโควิด-19 รวมถึงปรับลดเกณฑ์ในการพิจารณาแจกยาต้านไวรัส

“นี่ยังไม่ใช่เวลาที่จะหยุดสวมหน้ากาก หลักฐานต่างๆ ที่มีอยู่บอกเราว่า การสวมหน้ากากช่วยลดความเสี่ยงที่คุณจะติดเชื้อโควิด-19 ลงได้ถึงครึ่งหนึ่ง และยังช่วยปกป้องคุณจากเชื้อไข้หวัดใหญ่และโรคอื่นๆ ที่มาพร้อมกับฤดูหนาว ดังนั้นถ้าคุณไม่อยากสวมหน้ากากเพื่อตัวเอง ก็ขอให้สวมเพื่อเห็นแก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขด้วย” เวอร์รอลล์ กล่าว

ที่มา : รอยเตอร์
 
 

‘ปักกิ่ง’ ประกาศ สถานการณ์ฉุกเฉินภาวะสงคราม พบติดโควิด 45 ราย

สื่อต่างประเทศรายงานว่า พื้นที่ "เขตเฟิงไถ" ในกรุงปักกิ่งถูกกำหนดให้อยู่ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินภาวะสงคราม และห้ามเดินทางท่องเที่ยวในวันนี้ หลังจากพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ในกรุงปักกิ่ง ซึ่งคาดว่า มาจากตลาดค้าส่งแห่งใหญ่ที่เป็นต้นตอการระบาดระลอกสอง 

ชู จุนเว่ย เจ้าหน้าที่เขตเฟิงไถของกรุงปักกิ่ง กล่าวบรรยายสรุปสถานการณ์แพร่ระบาดโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ในวันเสาร์ว่า เขตเฟิงไถซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของปักกิ่ง ได้ถูกประกาศให้อยู่ภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินภาวะสงคราม หลังจากที่ตรวจเจอผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในตลาดค้าส่งเนื้อสัตว์แห่งใหญ่

ทั้งนี้ จากการตรวจเชื้อโควิด-19 ในกลุ่มประชาชนที่เดินทางไปตลาดแห่งนี้ จำนวน 517 คน พบว่า มีผลบวกติดโควิด-19 จำนวน 45 คน แต่ยังไม่มีใครแสดงอาการของผู้ป่วยโรคโควิด-19 

ด้าน โฆษกกรุงปักกิ่ง เปิดเผยว่า ผู้ป่วยใหม่ 6 คนที่ได้รับการยืนยันในวานนี้เป็นการติดเชื้อในชุมชนที่มีประวัติไปตลาดนี้มาก่อน ทำให้ทางการกรุงปักกิ่งสั่งระงับการท่องเที่ยวข้ามเมืองทันที จากเดิมที่เพียงแค่สั่งงดการค้าเนื้อวัวและเนื้อแกะที่ตลาดนี้ และจะให้คนที่เกี่ยวข้องกับตลาดกว่า 10,000 คนต้องรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 

ขณะที่ เจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคกรุงปักกิ่ง กล่าวว่า จากการสันนิษฐานเบื้องต้นคาดว่า ผู้ป่วยใหม่อาจติดเชื้อจากสิ่งแวดล้อมปนเปื้อนในตลาด หรือติดเชื้อจากผู้ป่วยในตลาด

อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกสอง อาจทำให้มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 7.66 ล้านคนทั่วโลก และเสียชีวิตมากกว่า 420,000 ราย แม้ว่า หลายประเทศดูเหมือนจะสามารถสกัดกั้นการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ได้แล้วก็ตาม

ขอบคุณข้อมูลจาก  https://www.bangkokbiznews.com

เนื้อหาต้นฉบับ https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/884955

 

‘หมอธีระ’เทียบเคส‘โควิดสมุทรสาคร’แค่ยอดน้ำแข็งโผล่พ้นน้ำ เตือนเลิกคิด‘ลดวันกักตัว’

‘หมอธีระ’เทียบเคส‘โควิดสมุทรสาคร’แค่ยอดน้ำแข็งโผล่พ้นน้ำ เตือนเลิกคิด‘ลดวันกักตัว’

 

อย่ารนหาที่!‘หมอธีระ’เทียบเคส‘โควิดสมุทรสาคร’แค่ยอดน้ำแข็งที่โผล่พ้นน้ำ เตือนยกเลิกแนวคิดหาเงินเข้าประเทศโดยนำนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากๆ กลับใจเลิกแนวคิด ‘ลดวันกักตัว’

 

18 ธันวาคม 2563 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว “Thira Woratanarat” เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2563 เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 มีเนื้อหาดังนี้...

เคสสมุทรสาคร เป็นผู้สูงอายุ โชคดีที่ดูจะมีอาการไม่รุนแรง ให้กำลังใจหายไวไวครับ

หากเราสังเกตทุกเหตุการณ์ที่ผ่านมาตั้งแต่ตุลาคม เราจะพบว่าแทบทุกรายนั้นผู้ติดเชื้อมาหาเพื่อตรวจเอง จะโดยมีอาการหรือไม่มีอาการก็แล้วแต่ มาหาเพื่อตรวจเอง มีทั้งที่ตรวจก่อนเข้าเรือนจำ ตรวจก่อนแข่งบอล ตรวจจะไปทำงานต่างประเทศ รวมถึงตรวจเพราะมีอาการไม่สบาย เช่น กลุ่มลักลอบเข้าเมือง และเคสในประเทศล่าสุดเย็นวันนี้

มองในแง่ดี...คือ...ไทยเรานั้นโชคดี

แต่หากมองอีกที...มันบ่งชี้ว่า นี่คือยอดน้ำแข็งที่โผล่พ้นน้ำเท่านั้นเอง

ก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่อาจอยู่ใต้น้ำ เพราะไม่ได้มุดลงไปดู

 

ดังที่เคยเตือนมาตลอด 8 สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า หลังเปิดประเทศรับคนจากต่างประเทศเข้ามา จะเกิดปรากฏการณ์ติดเชื้อในประเทศ และดาวกระจาย โดยมักเกิดราว 6-8 สัปดาห์ และจากนั้นมีโอกาสระบาดซ้ำได้หากไม่ป้องกันอย่างเข้มงวด และเลิกมาตรการนำความเสี่ยงเข้าสู่ประเทศโดยไม่จำเป็น

นอกจากนี้ เรื่องที่บอกมาตลอดคือ นอกจากรณรงค์ป้องกันตัว ใส่หน้ากาก ล้างมือ อยู่ห่างๆ แล้ว จำเป็นต้องทำเรื่องต่อไปนี้ด้วย

หนึ่ง "แจ้งให้ประชาชนทราบว่าสถานการณ์ในประเทศนั้นมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการระบาดซ้ำได้" เรื่องนี้สำคัญ เพราะหากสื่อสารไปในทางตรงข้าม จะทำให้เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อรับเชื้อได้ และพอเกิดเรื่อง มักหาต้นตอลำบาก คุมยาก ตามไม่ทัน

สอง "รณรงค์ให้ประชาชนหมั่นคอยสังเกตอาการตนเอง และครอบครัว หากมีอาการไม่สบาย ต้องหยุดเรียน หยุดงาน และรีบไปตรวจรักษา" เรื่องนี้สำคัญ เพราะสถานการณ์ปัจจุบันมีแนวโน้มสูงมากที่จะมีเชื้ออยู่ในประเทศ เราไม่ทราบเลยว่าคนที่เราเจอในชีวิตประจำวันนั้น ใครติดเชื้ออยู่บ้าง เพราะมักไม่รู้ตัว จะโดยไม่มีอาการ หรือมีอาการแล้วเข้าใจผิดคิดว่าเป็นแค่ไข้หวัด หรือหวัดใหญ่ หรือเจ็บป่วยเล็กน้อย

สาม "ต้องขยายระบบบริการตรวจโควิดให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เข้าถึงได้ง่าย และไม่ติดล็อคแค่เรื่องอาการ" เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะระบบที่มีอยู่ ยังไม่ครอบคลุมทั่วถึง การไปตรวจนั้นทำได้ไม่ง่ายนัก และกำลังการตรวจมีจำกัด หากไม่เตรียมพร้อมพัฒนาเรื่องนี้ให้เข้มแข็ง ระบาดซ้ำมักมาไม่ทันตั้งตัว ดังที่เห็นจาก 75 ประเทศทั่วโลก จะรับมือไม่ได้

สุดท้าย...ขอเรียนย้ำพวกเราทุกคนอีกครั้งว่า สถานการณ์ไม่โอเคนะครับ...

การเดินทางไปในที่ต่างๆ ขอให้ใคร่ครวญให้ดี เดินทางเท่าที่จำเป็นจริงๆ ไปอย่างมีสติ ป้องกันตัวอย่างเคร่งครัดมากๆ

ต้องรู้จักประเมินสถานการณ์แวดล้อม หากแออัด คนเยอะ ไม่ใส่หน้ากาก หรือมีกิจกรรมที่เสี่ยงสูง เช่น ตะโกน ตะเบ็ง ดื่มกินกันอย่างยาวนาน ขอให้เลี่ยง ลด ละ เลิก เพราะไม่ปลอดภัยครับ

ใครจะว่าเว่อร์ ก็ช่างเขา...ขอให้เราไม่ติดก็พอครับ ติดแล้วตายได้ แพร่สู่คนใกล้ชิดได้ และหากกลับจากเดินทางแล้ว คอยสังเกตอาการ หากไม่สบาย ต้องรีบไปตรวจ ไม่ว่าจะเป็นไข้ ไอ เจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล ดมไม่ได้กลิ่น ลิ้นรับรสไม่ได้ หรือท้องเสียก็ตาม

 

นี่ไม่ใช่เวลากระตุ้นเศรษฐกิจจนเว่อร์วัง แต่เป็นเวลาทำมาหากิน โดยเน้นความปลอดภัยเป็นหลัก

ทำมาหากินแบบประคับประคองตัว ให้รอดจากระบาดซ้ำครับ

คาดว่ามีนาคมปีหน้า หากสถานการณ์ทั่วโลกเบาลง ค่อยเปลี่ยนเกียร์แล้วเหยียบคันเร่ง แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ไม่งั้นจะสะดุดหัวคะมำ สาหัส ลุกไม่ขึ้น

จากนั้น รศ.นพ.ธีระ โพสต์ข้อความอีกครั้งในวันที่ 18 ธันวาคม 2563 มีเนื้อหาดังนี้...

สถานการณ์ทั่วโลก 18 ธันวาคม 2563...

ติดเพิ่มอย่างบ้าคลั่ง ทะลุ 75 ล้านไปแล้ว ตายต่อวันกว่าหมื่นสาม ยอดตายต่อวันสูงกว่าช่วงต้นปีถึงสองเท่า

เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มถึง 760,438 คน รวมแล้วตอนนี้ 75,164,769 คน ตายเพิ่มอีก 13,195 คน ยอดตายรวม 1,665,787 คน

 

อเมริกา เมื่อวานติดเชิ้อเพิ่ม 253,668 คน รวม 17,568,521 คน ตายเพิ่มอีก 3,426 คน ยอดตายรวม 317,091 คน

สถานการณ์อเมริกาไม่ดีเอาเสียเลย ตายต่อวันเกินสามพันคน เป็นผลจากการไม่สามารถคุมการติดเชื้อใหม่ได้ จนอาจเกินขีดความสามารถในการดูแลรักษาของระบบสุขภาพ เป็นไปตามที่หลายฝ่ายได้เตือนไว้ และคาดว่าจะเป็นภัยพิบัติทางสาธารณสุขที่ร้ายแรงที่สุดเท่าที่มีมาในประวัติศาสตร์อเมริกา คงต้องเอาใจช่วยให้ทุเลาโดยเร็ว

อินเดีย ติดเพิ่ม 22,991 คน รวม 9,977,760 คน กำลังจะแตะ 10 ล้านคนแล้ว บราซิล ติดเพิ่มถึง 69,825 คน รวม 7,110,433 คน รัสเซีย ติดเพิ่มอีก 28,214 คน รวม 2,762,668 คน ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 18,254 คน รวม 2,427,316 คน

อันดับ 6-10 เป็น ตุรกี สหราชอาณาจักร อิตาลี สเปน และอาร์เจนตินา ส่วนใหญ่ติดกันหลายพันถึงหลักหมื่นต่อวัน

เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ สวีเดน โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงอิหร่าน บังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย เมียนมาร์ และเกาหลีใต้ ติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลายหมื่น

เนเธอร์แลนด์ติดเชื้อต่อวันทำลายสถิติเดิมอย่างต่อเนื่อง เมื่อวานเพิ่มถึง 12,779 คน สถานการณ์เช่นนี้จำเป็นต้องมีมาตรการที่เข้มข้นมากขึ้นอย่างเร่งด่วน เพราะหากคุมไม่ได้ อาจเป็นอีกจุดที่มีโอกาสที่จะทำให้เกิดการระบาดต่อเนื่องของยุโรปในปีหน้า

แถบสแกนดิเนเวีย รอบทะเลบอลติก และแถบยูเรเชียยังไม่ดีขึ้น ติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง

เดนมาร์กติดเพิ่มหนักมากขึ้นไปอีก ทำลายสถิติเดิม 4,034 คน สูงกว่าระลอกแรกถึง 9 เท่า นอกจากนี้ใช้เวลาแค่ 4 วันในการมียอดติดเชื้อสะสมแซง 6 ประเทศ ทั้งอียิปต์ เอธิโอเปีย ปาเลสไตน์ ตูนีเซีย ฮอนดูรัส และเมียนมาร์ ส่วนสิงคโปร์ ฮ่องกง และออสเตรเลีย ติดเพิ่มหลักสิบถึงเฉียดร้อย ในขณะที่จีน และเวียดนาม ยังมีติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ

...สถานการณ์ในเมียนมาร์ เมื่อวานติดเพิ่มขึ้นอีก 1,182 คน ตายเพิ่มอีก 31 คน ตอนนี้ยอดรวม 113,082 คน ตายไป 2,377 คน อัตราตายตอนนี้ 2.1%

ของไทยเรานั้น ผมประเมินว่า เรามีเชื้อในประเทศชัดเจน ทั้งมาจากต่างประเทศตามช่องทางต่างๆ และอาจมีการติดเชื้อในชุมชนอยู่บ้างโดยไม่รู้ตัว และไม่ทราบจำนวนและการกระจายว่าอยู่ที่ใดบ้าง ดังจะเห็นได้จากรายงานเคสในรอบสองเดือนกว่าที่ผ่านมา

สิ่งที่แต่ละฝ่ายจำเป็นต้องทำ ก็ได้บอกมาหลายครั้งแล้ว ระบาดซ้ำจะแรงกว่าเดิม คุมยากกว่าเดิม จากประสบการณ์ของทั่วโลกที่ระบาดซ้ำ ยอดติดเชื้อสูงสุดต่อวันจะสูงกว่าเดิม 5 เท่า และใช้เวลาในการคุมนานกว่าเดิม 2 เท่า

ควรยกเลิกแนวคิดหาเงินเข้าประเทศโดยนำนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากๆ

ควรกลับตัวกลับใจ เลิกแนวคิดลดวันกักตัว ไม่ว่าจะ 10 วัน 7 วัน หรือไม่กักตัว เพราะจะทำให้ปราการด่านสุดท้ายของประเทศ คือ ระบบการกักตัว 14 วันอ่อนแอลง เสี่ยงต่อการระบาดซ้ำ

นี่ไม่ใช่เวลาที่จะรนหาที่

สถานการณ์ปัจจุบัน ผมประเมินตรงๆ ว่าไม่ปกติ และไม่ได้ปลอดภัยใสปิ๊ง จำเป็นต้องใช้ชีวิตอย่างมีสติ ป้องกันตัวเองอย่างเคร่งครัดครับ

ขอให้สุขภาพแข็งแรง ปลอดภัย

ข้อมูลจาก https://www.naewna.com/local/539407

 

 

หมวดหมู่รอง

สาระน่ารู้

บทความวิชาการ