ปัญหาการไม่ยินยอมฉีดวัคซีนCOVID-19 ของประเทศต่างๆ
โดย นายแพทย์ ยงค์ศักดิ์ เลียงอุดม
Published 22/02/21
ในขณะที่ประเทศต่างๆในโลก โดยเฉพาะประเทศ emerging และประเทศเล็กๆต่างมีปัญหาในการจัดหาวัคซีน COVID-19 มาให้ประชาชนของตน
แต่ในประเทศบางประเทศถึงแม้จะมีวัคซีนอย่างเพียงพอกลับมีปัญหาที่ประชาชนบางส่วนไม่ยินยอมรับการฉีดวัคซีน COVID-19 ผลสำรวจของสถาบัน Pewn ในอเมริกาในเดือนพฤศจิกายน 2020 พบว่ามีคนอเมริกา 65%ยินยอมที่จะให้ฉีควัคซีน
ในการสำรวจในหน่วยทหารแห่งหนึ่งในอเมริกาพบว่ามีหนึ่งในสามของหน่วยยินยอมที่จะฉีดวัคซีน COVID-19 ปัญหาใหญ่ก็คือบุคลากรส่วนหนึ่งที่ทำงานในสถานที่พักพื้นและดูแลคนชรา ไม่ยินยอมฉีดวัคซีน COVID-19
ในยุโรปในขณะที่ รัฐบาลมีปัญหาในการเร่งหาวัคซีน COVID-19 แต่บุคลากรทางการแพทย์กลับยังไม่ยินยอมฉีดวัคซีนของ AstraZeneca ที่โรงพยาบาลบางแห่งนัดบุคลากรทางการแพทย์ไว้ แต่ปรากฎว่าแพทย์ไม่มาตามนัด
สาเหตุเป็นเพราะว่าต้องการรอวัคซีนของ Pfizer หรือของ Moderna เพราะมีประสิทธิภาพสูงกว่า ประสิทธิภาพของวัคซีนทั้งสองอยู่ที่ 95% เมื่อฉีดครบ 2 dose แต่วัคซีน AstraZeneca ให้ประสิทธิภาพ 62% และ 70% ใน 2 trail แต่สามารถเพิ่มเป็น 85%ได้ถ้าเข็มที่หนึ่งและเข็มที่สองห่างกัน 12 อาทิตย์ แทนที่จะห่างกัน 6 อาทิตย์
อีกปัญหาที่บุคลากรทางการแพทย์ ของ EU ไม่อยากฉีดวัคซีน AstraZeneca คือหลังจากฉีด อาจมีไข้ ปวดหัว ปวดตามตัว ซึ่งอาการดังกล่าวจะหายไปใน2-3 วัน นักวิชาการบอกว่าอาการดังกล่าวแสดงว่าวัคซีนได้ผล แต่มีโรงพยาบาลหลายแห่งในเยอรมัน ฝรั่งเศส สวีเดนได้จำกัดจำนวนบุคคลากรทางการแพทย์ในการฉีดวัคซีน AstraZeneca ในแต่ละวัน เพราะกลัวว่าจะมีคนลาป่วยมากไปจากอาการแทรกซ้อนของวัคซีน AstraZeneca
แพทย์ใน EU อยากจะรอฉีดวัคซีน Pfizer หรือ Moderna มากกว่า ถึงแม้ว่ามีโอกาสแพ้รุนแรง anaphylaxis allergyโอกาสจำนวน 5 ครั้งในล้านครั้งจากสาร PEG ในวัคซีน
ประธานสภาแพทย์ของฝรั่งเศสและแพทย์และหมอฟัน 3,000 คนจากอิตาลี บอกว่าเนื่องจากบุคลากรทางการแพทย์มีโอกาสที่จะได้รับจำนวนเชื้อ COVID 19 จำนวนมากจากคนป่วย high load of virus จึงสมควรที่จะได้รับวัคซีนที่มีประสิทธิผลสูง
กลุ่มครูและกลุ่มตำรวจในอิตาลีก็ออกมาโวยวายที่พวกเขาไม่ได้รับวัคซีนประสิทธิภาพสูงเช่นกัน
ปัจจัยที่เป็นปัญหาในการปฏิเสธการใช้วัคซีนของ AstraZeneca ก็เป็นเพราะปัญหาการเมืองระหว่าง EU กับ Brexit เพราะวัคซีน AstraZeneca เป็นของอังกฤษ และมีปัญหาเรื่องการส่งมอบมาตั้งแรกเนื่องจากการบริหารที่ผิดพลาดของ EU ทางEUจึงประโคมข่าวเรื่องประสิทธิภาพของวัคซีน AstraZeneca แต่เมื่อดูข้อเท็จจริงแล้วก็ไม่ได้แย่มากนัก วัคซีน Sinovac ของจีนประสิทธิภาพยังจะแย่กว่า อยู่ที่ 50 %
หนังสือพิมพ์ Telegraph ของอังกฤษถึงกับว่า สิ่งที่เคยบอกว่า Trump ให้ข้อมูลที่ผิดเกี่ยวกับ Covid 19 ทำให้เกิดผลเสียต่อ public health โดยรวม สิ่งเดียวกันกำลังเกิดขึ้นเช่นเดียวกันโดยผู้นำ EU เพราะความไม่พอใจที่มีต่ออังกฤษ
ผลเสียกลับมาอยู่ที่ EU เพราะในขณะที่อังกฤษฉีดวัคซีนไปแล้ว 28% ของประชาชน แต่ฝรั่งเศสและเยอรมันฉีดไปได้แค่3.2%ของประชากร เยอรมันได้รับวัคซีน AstraZeneca ไป 176,400 dose แต่ฉีดไปได้แค่64,869 dose เพราะความลังเลของประชาชนอันสืบเนื่องจากการประโคมข่าวของ EU เอง
อินเดียประเทศที่สามารถผลิตวัคซีนได้เอง ได้เริ่มโครงการฉีดวัคซีนที่ใหญ่ที่สุดในโลกเพื่อจะฉีดวัคซีนให้คนอินเดียให้ได้ 300ล้านคนภายในเดือนสิงหาคม
ในวันแรก 16 มกราคม 2021 มีคนมาฉีดวัคซีน 191,000 คน แต่ 4 สัปดาห์ต่อมาคนที่มาตามนัดเพื่อฉีดวัคซีนเข็มที่สอง มาตามนัดเพียง 4%
สาเหตุเป็นเพราะคนป่วยเป็น COVID-19 ได้ลดลงเป็นอย่างมากในอินเดีย เมื่อเทียบกับปลายปี 2020 ทำให้ความกังวลใจของคนอินเดียที่จะป่วยจาก COVID-19 น้อยลง จึงไม่มาตามนัดของการฉีดวัคซีน ตัวเลขคนติดเชื้อต่อวันในอินเดียลดเป็น 10,000คนต่อวัน จากที่เคยสูงถึง100,000คนต่อวัน ถ้ามีวัคซีนให้ฉีดในช่วงคนป่วย คนตายมากๆ คนมาฉีดวัคซีนคงต้องมากกว่าในช่วงนี้เพราะความหวาดกลัวต่อการที่จะต้องป่วยเป็น COVID 19 ยังมีมาก
สถานีฉีดวัคซีนในอินเดียมีมากเป็น10,000 แห่ง หลายๆแห่งว่างเปล่า ประชาชนไม่มาตามนัด แม้แต่แพทย์ก็ไม่มาตามนัดเพื่อได้รับการฉีดวัคซีน
วัคซีน Covaxin ของอินเดียมีปัญหาเรื่องข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพเพราะมีการเร่งการอนุมัติจาก FDA อินเดีย ในขณะที่ยังไม่ผ่านขบวนการที่สมบูรณ์ของการทดสอบ แพทย์อินเดียเป็นที่เชื่อถือของประชาชน เมื่อแพทย์เองไม่ยอมรับการฉีดวัคซีน ประชาชนจึงไม่มารับการฉีดวัคซีนด้วย
จากผลสำรวจของสถาบัน IPSo. ประเทศจีนมีประชาชนเพียงหนึ่งในห้าที่จะไม่ยินยอมฉีดวัคซีน COVID-19 ซึ่งคงไม่เป็นปัญหาสำหรับรัฐบาลจีน เพราะรัฐบาลดูจะไม่เร่งร้อน เพราะถึงแม้จีนจะผลิตวัคซีนได้เอง เพราะจีนคิดว่าสามารถควบคุมการระบาดของ COVID-19 ได้ดี ขณะนี้จีนฉีดวัคซีนไปได้เพียง 3% ของประชากร
ที่ออสเตรเลียยังไม่เริ่มฉีดวัคซีนCOVID-19 พอจะเริ่มฉีดวัคซีนในวันที่ 1 มีนาคม ก็มีผู้มาเดินขบวนต่อต้านการฉีดวัคซีนจากกลุ่มต่อต้านวัคซีน antivaxxer จากผลสำรวจ 27 % ของคนออสเตรเลียที่ยังลังเลในการที่จะฉีดวัคซีน มีคนยินยอมฉีดวัคซีน 73 % แต่ออสเตรเลียควบคุมการระบาดของ Covid 19 ได้ดี
อินโดนีเซียซึ่งมีการระบาดหนักของ COVID-19 มาตลอดและยังคงเป็นระลอกแรกอยู่อย่างยาวนาน รัฐบาลกำล้งจะบังคับให้มีการฉีดวัคซีน
ในประเทศสังคมนิยม การบังคับให้มีการฉีดวัคซีนคงจะทำได้ แค่ในประเทศประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพเป็นสิ่งสำคัญ รัฐบาลก็คงทำได้แค่รณรงค์ และให้การศึกษา อเมริกาต้องเสียเงินเป็นจำนวนมากสำหรับการรณรงค์ให้มีการฉีดวัคซีน COVID-19 โดยใช้เงินในการรณรงค์ไปแล้วถึง 200 ล้านดอลลาร์
การใช้ วัคซีนpassport บังคับให้ต้องฉีดวัคซีนถ้าต้องเดินทาง หรือเมื่อต้องร่วมกิจกรรมหมู่มากเช่น concert ดูหนังอาจช่วยให้มีการฉีดวัคซีนมากขึ้น
อิสราเอลซึ่งเป็นประเทศที่ฉีดให้ประชากรเป็นอัตราส่วนมากที่สุดสำหรับประชาชน 10 ล้านคน ได้ฉีดวัคซีน Pfizer ให้ประชาชนไปแล้วครึ่งประเทศ เป็นตัวอย่างของความสำเร็จที่ปรากฏให้เห็นจากการฉีดวัคซีน เมื่อพบว่าหลังจากฉีดวัคซีน Pfizer ครบ 2 dose จะป้องกันไม่ให้ติดเชื้อ Covid 19ได้ถึง 95% อิสราเอลเริ่มคลาย lockdown เปิดร้านค้า และอนุญาตให้มีกิจกรรมทางการสังคมได้หลังจากฉีดวัคซีนครบ 2 dose 7 วัน โดยใช้ การใช้ วัคซีน certification ผ่าน App มือถือ
ปัญหาของการไม่ยินยอมฉีดวัคซีนมีหลากหลาย
ประการที่หนึ่งก็คือกลัวว่าประสิทธิภาพไม่ดีพอเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับบุคลากรทางการแพทย์ใน EU
ประการที่สองมีความกลัวที่จะติดเชื้อแล้วป่วยจาก COVID-19 น้อยลง เนื่องจากจำนวนคนป่วยเริ่มลดลง จะเห็นได้จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในอินเดีย ปัญหาที่เกิดขึ้นในอินเดียกลัวกันว่าจะเกิดขึ้นกับประเทศอื่นๆ ทำให้เกิดความชะล่าใจ ไม่ฉีดวัคซีน
ประการที่สามคือเกิดจากความกลัวในอาการแทรกซ้อนหรือการแพ้วัคซีน
ถึงอย่างไรก็ตามการบรรลุภูมิคุ้มกันหมู่จะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อได้รับการฉีดวัคซีนให้เพียงพอถึงแม้หลายๆแห่งประชาชนจะได้รับภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติโดยเฉพาะในประเทศที่มีการระบาดสูง เช่นที่อเมริกา Professor Marty Makaray จาก John Hopkin ทำนายว่าภูมิคุ้มกันหมู่ในอเมริกาจะเกิดขึ้นภายในในเดือนเมษายนเนื่องจากภูมิคุ้มกันที่มีอยู่ตามธรรมชาติจาก antibody และ T cell มีสัดส่วนสูงกว่าที่คิด
ในอินเดียภูมิคุ้มกันทางธรรมชาติก็สูงเช่นกัน จากการตรวจ antibodies ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2021 ชานเมืองมุมไบมีภูมิคุ้มกันจากantibodies ถึง 56% และทั้วอินเดียอยู่ที่ 20%
การจัดหาวัคซีนก็เป็นงานหนักของหลายๆประเทศ แต่การพยายามให้คนส่วนใหญ่มาฉีดวัคซีนก็เป็นงานที่ไม่ง่ายเช่นกัน
โดย นายแพทย์ ยงค์ศักดิ์ เลียงอุดม
เป็นความเห็นส่วนตัวไม่เกี่ยวกับองค์กร