อย่ารนหาที่!‘หมอธีระ’เทียบเคส‘โควิดสมุทรสาคร’แค่ยอดน้ำแข็งที่โผล่พ้นน้ำ เตือนยกเลิกแนวคิดหาเงินเข้าประเทศโดยนำนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากๆ กลับใจเลิกแนวคิด ‘ลดวันกักตัว’
18 ธันวาคม 2563 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว “Thira Woratanarat” เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2563 เกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 มีเนื้อหาดังนี้...
เคสสมุทรสาคร เป็นผู้สูงอายุ โชคดีที่ดูจะมีอาการไม่รุนแรง ให้กำลังใจหายไวไวครับ
หากเราสังเกตทุกเหตุการณ์ที่ผ่านมาตั้งแต่ตุลาคม เราจะพบว่าแทบทุกรายนั้นผู้ติดเชื้อมาหาเพื่อตรวจเอง จะโดยมีอาการหรือไม่มีอาการก็แล้วแต่ มาหาเพื่อตรวจเอง มีทั้งที่ตรวจก่อนเข้าเรือนจำ ตรวจก่อนแข่งบอล ตรวจจะไปทำงานต่างประเทศ รวมถึงตรวจเพราะมีอาการไม่สบาย เช่น กลุ่มลักลอบเข้าเมือง และเคสในประเทศล่าสุดเย็นวันนี้
มองในแง่ดี...คือ...ไทยเรานั้นโชคดี
แต่หากมองอีกที...มันบ่งชี้ว่า นี่คือยอดน้ำแข็งที่โผล่พ้นน้ำเท่านั้นเอง
ก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่อาจอยู่ใต้น้ำ เพราะไม่ได้มุดลงไปดู
ดังที่เคยเตือนมาตลอด 8 สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า หลังเปิดประเทศรับคนจากต่างประเทศเข้ามา จะเกิดปรากฏการณ์ติดเชื้อในประเทศ และดาวกระจาย โดยมักเกิดราว 6-8 สัปดาห์ และจากนั้นมีโอกาสระบาดซ้ำได้หากไม่ป้องกันอย่างเข้มงวด และเลิกมาตรการนำความเสี่ยงเข้าสู่ประเทศโดยไม่จำเป็น
นอกจากนี้ เรื่องที่บอกมาตลอดคือ นอกจากรณรงค์ป้องกันตัว ใส่หน้ากาก ล้างมือ อยู่ห่างๆ แล้ว จำเป็นต้องทำเรื่องต่อไปนี้ด้วย
หนึ่ง "แจ้งให้ประชาชนทราบว่าสถานการณ์ในประเทศนั้นมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการระบาดซ้ำได้" เรื่องนี้สำคัญ เพราะหากสื่อสารไปในทางตรงข้าม จะทำให้เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อรับเชื้อได้ และพอเกิดเรื่อง มักหาต้นตอลำบาก คุมยาก ตามไม่ทัน
สอง "รณรงค์ให้ประชาชนหมั่นคอยสังเกตอาการตนเอง และครอบครัว หากมีอาการไม่สบาย ต้องหยุดเรียน หยุดงาน และรีบไปตรวจรักษา" เรื่องนี้สำคัญ เพราะสถานการณ์ปัจจุบันมีแนวโน้มสูงมากที่จะมีเชื้ออยู่ในประเทศ เราไม่ทราบเลยว่าคนที่เราเจอในชีวิตประจำวันนั้น ใครติดเชื้ออยู่บ้าง เพราะมักไม่รู้ตัว จะโดยไม่มีอาการ หรือมีอาการแล้วเข้าใจผิดคิดว่าเป็นแค่ไข้หวัด หรือหวัดใหญ่ หรือเจ็บป่วยเล็กน้อย
สาม "ต้องขยายระบบบริการตรวจโควิดให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เข้าถึงได้ง่าย และไม่ติดล็อคแค่เรื่องอาการ" เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะระบบที่มีอยู่ ยังไม่ครอบคลุมทั่วถึง การไปตรวจนั้นทำได้ไม่ง่ายนัก และกำลังการตรวจมีจำกัด หากไม่เตรียมพร้อมพัฒนาเรื่องนี้ให้เข้มแข็ง ระบาดซ้ำมักมาไม่ทันตั้งตัว ดังที่เห็นจาก 75 ประเทศทั่วโลก จะรับมือไม่ได้
สุดท้าย...ขอเรียนย้ำพวกเราทุกคนอีกครั้งว่า สถานการณ์ไม่โอเคนะครับ...
การเดินทางไปในที่ต่างๆ ขอให้ใคร่ครวญให้ดี เดินทางเท่าที่จำเป็นจริงๆ ไปอย่างมีสติ ป้องกันตัวอย่างเคร่งครัดมากๆ
ต้องรู้จักประเมินสถานการณ์แวดล้อม หากแออัด คนเยอะ ไม่ใส่หน้ากาก หรือมีกิจกรรมที่เสี่ยงสูง เช่น ตะโกน ตะเบ็ง ดื่มกินกันอย่างยาวนาน ขอให้เลี่ยง ลด ละ เลิก เพราะไม่ปลอดภัยครับ
ใครจะว่าเว่อร์ ก็ช่างเขา...ขอให้เราไม่ติดก็พอครับ ติดแล้วตายได้ แพร่สู่คนใกล้ชิดได้ และหากกลับจากเดินทางแล้ว คอยสังเกตอาการ หากไม่สบาย ต้องรีบไปตรวจ ไม่ว่าจะเป็นไข้ ไอ เจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล ดมไม่ได้กลิ่น ลิ้นรับรสไม่ได้ หรือท้องเสียก็ตาม
นี่ไม่ใช่เวลากระตุ้นเศรษฐกิจจนเว่อร์วัง แต่เป็นเวลาทำมาหากิน โดยเน้นความปลอดภัยเป็นหลัก
ทำมาหากินแบบประคับประคองตัว ให้รอดจากระบาดซ้ำครับ
คาดว่ามีนาคมปีหน้า หากสถานการณ์ทั่วโลกเบาลง ค่อยเปลี่ยนเกียร์แล้วเหยียบคันเร่ง แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ไม่งั้นจะสะดุดหัวคะมำ สาหัส ลุกไม่ขึ้น
จากนั้น รศ.นพ.ธีระ โพสต์ข้อความอีกครั้งในวันที่ 18 ธันวาคม 2563 มีเนื้อหาดังนี้...
สถานการณ์ทั่วโลก 18 ธันวาคม 2563...
ติดเพิ่มอย่างบ้าคลั่ง ทะลุ 75 ล้านไปแล้ว ตายต่อวันกว่าหมื่นสาม ยอดตายต่อวันสูงกว่าช่วงต้นปีถึงสองเท่า
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่มถึง 760,438 คน รวมแล้วตอนนี้ 75,164,769 คน ตายเพิ่มอีก 13,195 คน ยอดตายรวม 1,665,787 คน
อเมริกา เมื่อวานติดเชิ้อเพิ่ม 253,668 คน รวม 17,568,521 คน ตายเพิ่มอีก 3,426 คน ยอดตายรวม 317,091 คน
สถานการณ์อเมริกาไม่ดีเอาเสียเลย ตายต่อวันเกินสามพันคน เป็นผลจากการไม่สามารถคุมการติดเชื้อใหม่ได้ จนอาจเกินขีดความสามารถในการดูแลรักษาของระบบสุขภาพ เป็นไปตามที่หลายฝ่ายได้เตือนไว้ และคาดว่าจะเป็นภัยพิบัติทางสาธารณสุขที่ร้ายแรงที่สุดเท่าที่มีมาในประวัติศาสตร์อเมริกา คงต้องเอาใจช่วยให้ทุเลาโดยเร็ว
อินเดีย ติดเพิ่ม 22,991 คน รวม 9,977,760 คน กำลังจะแตะ 10 ล้านคนแล้ว บราซิล ติดเพิ่มถึง 69,825 คน รวม 7,110,433 คน รัสเซีย ติดเพิ่มอีก 28,214 คน รวม 2,762,668 คน ฝรั่งเศส ติดเพิ่ม 18,254 คน รวม 2,427,316 คน
อันดับ 6-10 เป็น ตุรกี สหราชอาณาจักร อิตาลี สเปน และอาร์เจนตินา ส่วนใหญ่ติดกันหลายพันถึงหลักหมื่นต่อวัน
เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ สวีเดน โปแลนด์ ยูเครน แคนาดา รวมถึงอิหร่าน บังคลาเทศ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น มาเลเซีย เมียนมาร์ และเกาหลีใต้ ติดกันเพิ่มหลักพันถึงหลายหมื่น
เนเธอร์แลนด์ติดเชื้อต่อวันทำลายสถิติเดิมอย่างต่อเนื่อง เมื่อวานเพิ่มถึง 12,779 คน สถานการณ์เช่นนี้จำเป็นต้องมีมาตรการที่เข้มข้นมากขึ้นอย่างเร่งด่วน เพราะหากคุมไม่ได้ อาจเป็นอีกจุดที่มีโอกาสที่จะทำให้เกิดการระบาดต่อเนื่องของยุโรปในปีหน้า
แถบสแกนดิเนเวีย รอบทะเลบอลติก และแถบยูเรเชียยังไม่ดีขึ้น ติดเชื้อเพิ่มอย่างต่อเนื่อง
เดนมาร์กติดเพิ่มหนักมากขึ้นไปอีก ทำลายสถิติเดิม 4,034 คน สูงกว่าระลอกแรกถึง 9 เท่า นอกจากนี้ใช้เวลาแค่ 4 วันในการมียอดติดเชื้อสะสมแซง 6 ประเทศ ทั้งอียิปต์ เอธิโอเปีย ปาเลสไตน์ ตูนีเซีย ฮอนดูรัส และเมียนมาร์ ส่วนสิงคโปร์ ฮ่องกง และออสเตรเลีย ติดเพิ่มหลักสิบถึงเฉียดร้อย ในขณะที่จีน และเวียดนาม ยังมีติดเพิ่มต่ำกว่าสิบ
...สถานการณ์ในเมียนมาร์ เมื่อวานติดเพิ่มขึ้นอีก 1,182 คน ตายเพิ่มอีก 31 คน ตอนนี้ยอดรวม 113,082 คน ตายไป 2,377 คน อัตราตายตอนนี้ 2.1%
ของไทยเรานั้น ผมประเมินว่า เรามีเชื้อในประเทศชัดเจน ทั้งมาจากต่างประเทศตามช่องทางต่างๆ และอาจมีการติดเชื้อในชุมชนอยู่บ้างโดยไม่รู้ตัว และไม่ทราบจำนวนและการกระจายว่าอยู่ที่ใดบ้าง ดังจะเห็นได้จากรายงานเคสในรอบสองเดือนกว่าที่ผ่านมา
สิ่งที่แต่ละฝ่ายจำเป็นต้องทำ ก็ได้บอกมาหลายครั้งแล้ว ระบาดซ้ำจะแรงกว่าเดิม คุมยากกว่าเดิม จากประสบการณ์ของทั่วโลกที่ระบาดซ้ำ ยอดติดเชื้อสูงสุดต่อวันจะสูงกว่าเดิม 5 เท่า และใช้เวลาในการคุมนานกว่าเดิม 2 เท่า
ควรยกเลิกแนวคิดหาเงินเข้าประเทศโดยนำนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากๆ
ควรกลับตัวกลับใจ เลิกแนวคิดลดวันกักตัว ไม่ว่าจะ 10 วัน 7 วัน หรือไม่กักตัว เพราะจะทำให้ปราการด่านสุดท้ายของประเทศ คือ ระบบการกักตัว 14 วันอ่อนแอลง เสี่ยงต่อการระบาดซ้ำ
นี่ไม่ใช่เวลาที่จะรนหาที่
สถานการณ์ปัจจุบัน ผมประเมินตรงๆ ว่าไม่ปกติ และไม่ได้ปลอดภัยใสปิ๊ง จำเป็นต้องใช้ชีวิตอย่างมีสติ ป้องกันตัวเองอย่างเคร่งครัดครับ
ขอให้สุขภาพแข็งแรง ปลอดภัย