เตือน "โควิด" ช่วงสงกรานต์หวั่นลามเป็นโดมิโน่ ยืดเยื้อ รุนเเรง การระบาดฟื้นตัวช้ากว่าประเทศอื่น ส่วนสถานการณ์ "โควิด" ทั่วโลกยอดติดเชื้อทะลุ 492 ล้านรายแล้ว
สถานการณ์ "โควิด" ยอดติดเชื้อทั่วโลกทะลุ 492 ล้านรายแล้ว ส่วนสถานการณ์ในประเทศจะรุนเเรงต่อเนื่อง และลากยาว การระบาดฟื้นตัวช้ากว่าประเทศอื่น หยุดสงกรานต์นี้ จะเป็นตัวชี้วัดการระบาดจะยืดเยื้อ รุงเเรง เกิดเป็นโดมิโน่หรือไม่
โดยเมื่อวันที่ 4 เมษายน ทั่วโลกติดเพิ่มสูงถึง 683,755 คน ตายเพิ่ม 2,235 คน รวมแล้วติดไปรวม 492,272,263 คน เสียชีวิตรวม 6,178,361 คน
5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ เกาหลีใต้ เยอรมัน เวียดนาม ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย
รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงยอดผู้ติดเชื้อ "โควิด-19" ที่พุ่งทะลุ 492 ล้านคนแล้ว
โดยเมื่อวันที่ 4 เมษายน จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 9 ใน 10 อันดับแรก และ 15 ใน 20 อันดับแรกของโลก จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 84.54 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 82.55
การติดเชื้อใหม่ในทวีปเอเชียนั้นคิดเป็นร้อยละ 44.69 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ 35.65
สำหรับสถานการณ์ระบาดของไทย
เมื่อวันที่ 4 เมษายน จำนวนติดเชื้อ "โควิด" ใหม่ รวม ATK สูงเป็นอันดับ 6 ของโลก และอันดับ 4 ของเอเชีย
ในขณะที่จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 8 ของโลก
จากสถานการณ์ไทยมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวจากการระบาดช้ากว่าประเทศอื่น ซึ่งฐานข้อมูลของ Worldometer ดูใน 10 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อสะสมสูงสุดของเอเชีย จะพบว่าทุกประเทศมีกราฟการระบาดขาลงชัดเจน ยกเว้นประเทศไทย แม้จะลองพิจารณาดู 10 อันดับแรกที่มีจำนวนติดเชื้อรายวันสูงสุดของเอเชียเมื่อวานนี้ ก็จะพบลักษณะเดียวกัน
ทั้งนี้ตัวเลขดังกล่าวของไทยเราเป็นสถิติการติดเชื้อยืนยัน (RT-PCR) ที่รายงาน แต่ยังไม่นับรวม ATK ในแต่ละวัน ลักษณะข้างต้นสะท้อนว่า การระบาดในประเทศยังเป็นไปอย่างรุนแรง ต่อเนื่อง และมีโอกาสลากยาวดังที่เคยวิเคราะห์ อันเป็นผลมาจากปัจจัยเรื่องธรรมชาติของขาลงที่จะยาวนานกว่าขาขึ้น ร่วมกับผลจากนโยบายและมาตรการทางด้านสาธารณสุขที่ไม่สามารถจัดการควบคุมป้องกันโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงพอ ร่วมกับการประชาสัมพันธ์สร้างภาพให้คนมองว่าเป็นเหมือนไข้หวัดธรรมดาจึงส่งผลให้พฤติกรรมการป้องกันไม่เคร่งครัดเพียงพอ ทำให้เห็นลักษณะการระบาดที่ไม่สามารถกดลงได้เหมือนประเทศอื่นๆ และคาดว่าจะส่งผลให้ไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวจากการระบาดช้ากว่าประเทศอื่น
นอกจากนี้ ช่วงหยุดยาวสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง จะเป็นตัวกำหนดความรุนแรงและความยืดเยื้อของการระบาดครั้งนี้ หากป้องกันตัวไม่ดีพอ สถานการณ์จะแย่ลงได้ และจะเกิดผลเป็นโดมิโน่ เนื่องจากระยะถัดไปคือมีการเปิดเรียนในเดือนพฤษภาคม
รศ.นพ.ธีระ ยังระบุทิ้งท้ายด้วยว่า "สงกรานต์นี้ อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อตัวคุณและครอบครัวเถิดครับ"